รอยเตอร์ - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนาม ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 17 คน และยังเข้าท่วมเหมืองถ่านหินที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่นักสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการปนเปื้อนของชุมชนท้องถิ่น และน้ำในอ่าวฮาลอง อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ
ฝนตกต่อเนื่อง 6 วันใน จ.กว๋างนิง ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องย้ายที่อยู่ บ้านเรือน และถนนถูกน้ำท่วม ที่กลุ่มสิ่งแวดล้อมระบุว่า เต็มไปด้วยฝุ่นละอองถ่านหินที่อาจเป็นอันตราย
อ่าวฮาลอง ที่มีหมู่บ้านลอยน้ำ ถ้ำขนาดใหญ่ และภูเขาหินปูน เป็นแหล่งมรดกโลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนหลายล้านคนในแต่ละปี หลายคนเลือกเดินทางท่องเที่ยวทางเรือเป็นเวลาหลายวัน และมักลงว่ายน้ำในอ่าว
จ.กว๋างนิง ยังเป็นแหล่งถ่านหิน ที่ถ่านหินจำนวนหลายพันตันถูกพัดพาไปกับน้ำท่วม ตามการระบุของบริษัทอุตสาหกรรมถ่านหินและเหมืองแร่แห่งชาติเวียดนาม (Vinacomin) ที่เป็นกิจการของรัฐ
การประเมินความเสียหายจนถึงเวลานี้อยู่ที่ 2 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 91.7 ล้านดอลลาร์) ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นส่วนที่กระทบต่อ Vinacomin ตามข้อมูลที่ระบุบนเว็บไซต์ข่าวของรัฐบาล โดยไม่ได้อ้างอิงถึงภัยคุกคามทางมลพิษใดๆ
เว็บไซต์ของบริษัทรายงานอ้างคำกล่าวของประธาน Vinacomin ซึ่งระบุว่า การดำเนินงานในเหมืองถ่านหินของบริษัทหลายแห่งต้องหยุดชั่วคราว
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักดูเหมือนจะยังคงตกต่อเนื่องไปจนถึงวันจันทร์ (3) และกระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือ ตามการระบุของศูนย์สภาพอากาศแห่งชาติ
Waterkeeper Alliance กลุ่มสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่รณรงค์แหล่งน้ำสะอาด ระบุว่า ความเสียหายที่เหมืองถ่านหินอาจทำให้น้ำปนเปื้อนด้วยสารที่เป็นอันตราย เช่น สารหนู ตะกั่ว และแทลเลียม
“สถานที่เก็บของเสียจากถ่านหินเป็นเหมือนระเบิดเวลาหากพวกเขาไม่สร้างให้ถูกต้องให้ทนต่อเหตุการณ์ฝนตกในปริมาณมาก และพวกเขายังพยายามไม่มากพอที่จะปกป้องชุมชนโดยรอบ” เจ้าหน้าที่จาก Waterkeeper Alliance กล่าว.