เตื่อยแจ๋/แถ่งเนียน - หากคุณเป็นชาวต่างชาติที่กำลังเดินเล่นพักผ่อนอยู่ตามถนนในย่านใจกลางเมืองนครโฮจิมินห์ แล้วฉับพลันก็มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่ออกมาเชื้อเชิญให้คุณซื้อมะพร้าว นั่นคือคุณกำลังเสี่ยงที่จะถูกโกงเข้าแล้ว
พ่อค้าหาบเร่ขายมะพร้าวหลายกลุ่มมุ่งเป้าเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อมะพร้าวของพวกเขาในราคาสูงลิ่ว หรือชักชวนให้โพสท่าถ่ายรูปกับหาบที่เต็มไปด้วยผลไม้ ก่อนจะเรียกเก็บเงินในภายหลัง
นักท่องเที่ยวคู่หนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ ถูกคนขายมะพร้าว ชื่อ หง็อค กระโดดเข้าขวางเพื่อหยุดนักท่องเที่ยวเอาไว้
คนขายพูดภาษาอังกฤษผสมเวียดนาม 2-3 ประโยค และรีบยื่นหาบไปวางบนไหล่ของนักท่องเที่ยวชายที่แสดงอาการตกใจ สุดท้ายนักท่องเที่ยวถูกขอให้จ่ายเงิน จำนวน 200,000 ด่ง หรือประมาณ 10 ดอลลาร์ สำหรับมะพร้าว 2 ลูก ที่ปกติขายแค่ 30,000 ด่งเท่านั้น (1.4 ดอลลาร์)
แต่หากเป็นกรณีที่นักท่องเที่ยวปฏิเสธจะจ่ายเงิน พ่อค้าที่ไม่ซื่อสัตย์เหล่านี้จะฉวยกระเป๋าเงินของนักท่องเที่ยว และหยิบเงินไปเอง
นักข่าวของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ได้ติดตามแก๊งขายมะพร้าวให้แก่นักท่องเที่ยว และพบว่า มีคนขายมะพร้าวเจ้าเล่ห์ราว 30 คน ในย่านใจกลางนครโฮจิมินห์ โดยจะออกล่าเหยื่อตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณทำเนียบอดีตประธานาธิบดีเวียดนามใต้ พิพิธภัณฑ์นครโฮจิมินห์ และพิพิธภัณฑ์สงคราม
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับคำแนะนำให้ระวังบรรดาพ่อค้าหาบเร่ขายมะพร้าวขณะท่องเที่ยวอยู่ตามถนนสายต่างๆ โดยเฉพาะย่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
หนึ่งในพ่อค้าหาบเร่ขายมะพร้าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวของเตื่อยแจ๋ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าเป็นสมาชิกของแก๊งขายมะพร้าวนี้
“ภาษาอังกฤษไม่ใช่ประเด็นสำคัญ” พ่อค้ามะพร้าวที่ใช้ชื่อว่า ตี กล่าว
ตี ตกลงที่จะพาผู้สื่อข่าวไปพบกับ แถ่ง ที่มีประสบการณ์โกงนักท่องเที่ยวซื้อมะพร้าวมานาน 10 ปี
“แต่ละแก๊งก็คุมพื้นที่แต่ละแห่งของย่านใจกลางเมือง หากล้ำเส้นก็จะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต แต่ละที่มีคนขายประจำอยู่แล้ว ไม่มีใครปล่อยให้คุณเข้าไปขายทับที่ หากคุณพยายามที่จะอย่างนั้นหรือขายตัดราคา พวกเขาทำร้ายคุณถึงตายแน่ๆ” แถ่ง กล่าว
แถ่ง ยังเปิดเผยเคล็ดลับบางอย่างในการโกงนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ราคามะพร้าวสำหรับคนกลุ่มนี้ไม่กำหนดตายตัว แต่ถ้าเป็นลูกค้าท้องถิ่นจะคิดค่ามะพร้าวแค่ 20,000 ด่ง
“หากนักท่องเที่ยวปฏิเสธ คุณควรเกาะติด และส่งสัญญาณมือบอกราคา คือ 1 นิ้ว หมายถึง 10 ดอลลาร์ ส่วน 5 นิ้ว หมายถึง 5 ดอลลาร์ ”ขณะที่แถ่งกำลังเล่าวิธีโกงค่ามะพร้าวกับเตื่อยแจ๋ ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 คน เดินผ่านไป และแถ่งก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย
เขากระโดดเข้าไปขวางหน้านักท่องเที่ยวทันที และตะโกนว่า “Hello sir” พร้อมร้องถามให้พวกเขาซื้อมะพร้าว แม้นักท่องเที่ยวพยายามเดินหนี แถ่ง ก็เดินตามไปอีกกว่า 50 เมตร จนสุดท้ายนักท่องเที่ยวยอมเปิดกระเป๋าซื้อมะพร้าว 2 ลูก ในราคา 100,000 ด่ง หรือลูกละ 5 ดอลลาร์
แถ่ง กล่าวว่า เขาสามารถหาเงินไปมากถึง 700,000 ด่งต่อวัน (32.62 ดอลลาร์) และบางครั้งก็มากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นลูกค้าชาวเวียดนามจะขอเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้สึกจนมุม และต้องจ่ายเงินให้แก่พ่อค้าเจ้าเล่ห์เหล่านี้ บางคนรู้สึกถูกคุกคาม และต้องการแค่จะออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้ ทำให้ต้องยอมเสียเงินค่ามะพร้าวที่แพงกว่าปกติ 5-20 เท่า
คนขายมะพร้าวอีกคนหนึ่งที่เลือกเหยื่อนักท่องเที่ยวบนถนนเหวียนถิมีงข่าย กล่าวว่า เขาจะชูธนบัตรใส่หน้านักท่องเที่ยวหากพวกเขาไม่เข้าใจ หรือปฏิเสธที่จะจ่าย
“แต่คุณต้องระวังให้ดีก่อนไถเงินคนพวกนี้ บางครั้งนักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ พวกเขาจะถ่ายรูปคุณแล้วไปแจ้งเจ้าหน้าที่”
ซึ่งก็แน่นอนว่า บรรดาพ่อค้าเจ้าเล่ห์ก็ไม่ประสบความสำเร็จไปเสียทุกครั้งที่จะคิดค่ามะพร้าวสูงเกินจริง
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นักท่องเที่ยวหญิง 2 คน ถูกพ่อค้าชื่อ เติ่ม เข้าขวาง และชวนให้โพสท่าถ่ายรูปกับหาบ และให้มะพร้าวพวกเขา เติ่ม ชู 2 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ให้จ่ายเงิน แต่ต้องประหลาดใจเมื่อนักท่องเที่ยวยื่นธนบัตร 10,000 ด่งมาให้ เขายังคงชูนิ้วต่อไป และนักท่องเที่ยวก็ยื่นให้อีก 10,000 ด่ง
“เฮ้ย พวกมันรู้ราคาจริง” เติ่ม บ่นหลังคว้าน้ำเหลว
คนขับรถของบริษัทท่องเที่ยวรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า เขาเคยเห็นวิธีที่แก๊งโกงค่ามะพร้าวทำกับชาวต่างชาติ ครั้งหนึ่งเขาเห็นกลุ่มพ่อค้ามะพร้าวตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ โน้มน้าวให้พวกเขาแบกหาบเพื่อถ่ายรูป จังหวะนั้นจะรีบเฉาะมะพร้าวให้แล้วบอกราคาทีหลัง
“คนขับรถคนอื่นๆ หรือแม้แต่ผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปขวางเพราะพวกเขามีกันหลายคน น่ากลัวทั้งนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ต้องการมีปัญหา พวกเขากลัวว่าจะไม่มีใครดูแลพวกเขาหากมีเรื่องเลยยอมจ่ายเงินไป” คนขับรถ กล่าว
ตำรวจในพื้นที่กล่าวว่า พวกเขาปรับเงินบรรดาพ่อค้ามะพร้าวที่อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สงครามหลายครั้งจากการคิดราคาแพงเกินไป และจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลนักท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มากขึ้น พร้อมกับระบุว่า ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้.