ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กองทัพประชาชนเวียดนาม ได้จัดพิธีต้อนรับ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย ที่ไปเยือนอย่างสมเกียรติ เมื่อวันจันทร์ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามยังเปิดห้องต้อนรับผู้นำกองทัพไทยอีกด้วย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหน้าเพิ่มขยายความสัมพันธ์ร่วมมือทางด้านการป้องกันประเทศต่อไป สื่อของกองทัพประชาชนเวียดนามรายงาน พร้อมเผยแพร่ภาพกิจกรรมต่างๆ ของคณะเยือนจากไทยในกรุงฮานอย
พิธีต้อนรับ ผบ.ทหารสูงสุดของไทย จัดขึ้นที่กระทรวงกลาโหม อันเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพประชาชน ที่มีกำลังพลถึง 4 แสนคน พล.อ.ฝุ่งกวางแทง (Phung Quang Thanh) กรรมการกรมการเมืองอาวุโส พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นเกียรติให้การต้อนรับ พล.อ.วรพงษ์ และแสดงความยินดีต่อการเยือนของผู้นำกองทัพไทย ทั้งระบุว่า การเยือนนับเป็นการร่วมส่วนเข้าในความสัมพันธ์ทวิภาคีทางด้านกลาโหม กระชับความสัมพันธ์ และส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนาน ระหว่างกองทัพ กับประชาชน และระหว่างสองประเทศไทย-เวียดนาม
ผบ.สูงสุดของไทย ได้แสดงความเห็นสอดคล้องต่อ รมว.กลาโหมเวียดนาม ทั้งระบุว่า ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ไม่เคยหยุดยั้ง มีแต่ขยายออกไปเรื่อยๆ อย่างรอบด้าน ในช่วงหลายปีมานี้ รวมทั้งด้านการป้องกันประเทศด้วย หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินซเวิน (Quan Doi Nhan Dan หรือ “กองทัพประชาชน”) รายงานในฉบับวันอังคารนี้
ระหว่างพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ พล.ท.อาวุโสโด๋บ่าตี (Do Ba Ty) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ซึ่งเป็นหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชนเวียดนาม เป็นกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และสมาชิกคณะกรรมาธิการทหารกลางของพรรค ได้นำ พล.อ.วรพงษ์ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนทั้งสองฝ่ายจะนำคณะเข้าพบหารือข้อราชการ
สองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านกลาโหมทั่วไป ความมั่นคงปลอดภัย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนากองทัพของสองประเทศ รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน หนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์โดยกระทรวงกลาโหมเวียดนาม กล่าว
“พล.ท.อาวุโสโด๋บ่าที กับ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ได้ทบทวน และตีราคาผลลัพธ์แห่งความสัมพันธ์ทวิภาคี ด้านกลาโหมระหว่างเวียดนามกับไทยในช่วงที่ผ่านมา การแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมาตรการในการกระชับสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศในอนาคต ซึ่งเน้นหนักไปขอบเขตการเพิ่มขยายการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนกันในทุกระดับ การฝึกฝนเจ้าหน้าที่ และบุคคลากร การร่วมกันลาดตระเวนตรวจตราทางทะเล...” หนังสือพิมพ์รายวันซึ่งเป็นเสียงของกองทัพ กล่าว
ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงใจสืบต่อความสัมพันธ์ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อปฏิบัติข้อตกลงต่างๆ ที่บรรลุระหว่างกันอย่างมีสัมฤทธิผล ให้ความสัมพันธ์ทางด้านกลาโหมก้าวไปในทางลึก ตอบสนองการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเวียดนาม กวนโด่นเญินซเวิน กล่าว.
.
2
3
4