ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ภาพชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งคลอเคลีย กอด และจูบกันดูดดื่มในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ที่มีผู้นำขึ้นเว็บไซต์วันจันทร์ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา กำลังแพร่สะพัดออกไปในประชาคมออนไลน์สัปดาห์นี้ ภาพได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อด้านหลังเสื้อของคนทั้งสอง มีข้อความบ่งบอกชื่อสถาบันสังกัด คือ วิทยาลัยฝึกหัดครูแห่งนครโฮจิมินห์ หน้าตา และวัยบอกให้รู้ว่าฝ่ายชายคนเป็นอาจารย์ และหญิงสาวเป็นนักศึกษา
การแสดงความรักระหว่างครูกับลูกศิษย์ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่เสมอๆ ในเวียดนาม ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยังคงค่านิยมยกย่องครูไว้เหนือคนธรรมดาทั่วไป และนับเป็นกรณีอื้อฉาวครั้งที่สองในชั่วเวลาเพียงข้ามเดือน ตั้งแต่คลิป “อาจารย์สาวกินลูกศิษย์หนุ่ม” ในห้องเรียนสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง ในกรุงฮานอย แพร่สะพัดในโลกออนไลน์ ซึ่งแต่นั้นมายังไม่มีข่าวคราวอะไรอีก เป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง ทั้งอาจารย์สาว และลูกศิษย์หนุ่ม ไม่มีผู้ใดถูกลงโทษอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่สื่อยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสาธารณชน และผู้อ่านต่างเชื่อว่า ในเมื่อเหตุเกิดในห้องเรียนแท้ๆ อย่างน้อยก็น่าจะต้องมีการเล่นงานทางวินัยอาจารย์สาวบ้าง
กรณีล่าสุด ในโฮจิมินห์ก็เช่นเดียวกัน ประชาคมออนไลน์เกรงว่าทุกอย่างจะเงียบหายไปโดยไม่มีใครเอาเรื่องเอาราวพ่อพิมพ์ของชาติ ที่สังคมคาดหวังว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่างสำหรับลูกศิษย์ลูกหา ทั้งในเรื่องส่วนตัว และศีลธรรมจรรยา
การถกเถียงโต้แย้งในหมู่ผู้อ่านก็ยังเหมือนๆ เดิม คือ ประณามการกระทำของผู้เป็นครู ซึ่งหลายคนบอกว่า หลายกรณีเป็นเพียงการ “หาเศษหาเลย” กับนักศึกษาที่ไม่มีทางต่อสู้ บางครั้งเรื่องแบบนี้เป็นเพียงการสมยอมของฝ่ายหญิง เพื่อแลกกับเกรด หรือแลกกับโอกาสที่จะได้เรียนจบเท่านั้น ชาวเน็ตเวียดนามบอกว่า เมื่อเป็นช่นนี้ก็เท่ากับเป็น “คอร์รัปชัน” อีกแบบหนึ่ง เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ ซึ่งเป็น “สิ่งชั่วร้ายทางสังคม” ประการหนึ่งในนิยามของพรรคคอมมิวนิสต์ นอกจากนั้น ก็ยังเป็นการละเมิดศีลธรรม และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพครูอีกด้วย
ความเห็นกระแสตรงกันข้ามก็ยังคงอยู่ในกรอบเดิมๆ คือ ปกป้องครูในฐานะที่เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่สามารถจะมีความรัก และแสดงความรักกับคนที่ตนรักได้
อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านบางคนได้พุ่งเป้าวิจารณ์ประเด็นที่ว่าคนทั้งสองในภาพนี้ไม่ได้แยแสต่อสายตาของผู้อื่นในคาเฟ่แห่งเดียวกัน ทั้งๆ ที่เสื้อที่สวมใส่ก็ระบุชื่อสถาบันอย่างเห็นโทนโท่ และเหตุเกิดขึ้นในเวลากลางวันแสกๆ
“นับเป็นพฤติกรรมที่ไร้ยางอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครู” ผู้อ่านที่ใช้ชื่อเฟืองถวี (Phuong Thuy) เขียนลงในเว็บไซต์เกียนถึกออนไลน์ ที่นำเสนอข่าวกับภาพนี้ก่อนคนอื่น และ “แม้กระทั่งในอเมริกาที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งเสรีภาพ ไม่เคยมีอาจารย์กับลูกศิษย์พลอดรักกันแบบนี้ให้เห็นในที่สารธารณะขณะอยู่ในยูนิฟอร์ม เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวแท้ๆ สมควรจะเกิดขึ้นในสถานที่อันเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ที่สาธารณะแบบร้านกาแฟ .. นี่เป็นมารยาทพื้นฐานของสังคมอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น” ทูนา เบ็นซ์ (Tuna Benz) เขียนลงในเว็บไซต์เดียวกัน
.
.
การแสดงออกความรักระหว่างเพศตรงกันข้าม ในสังคมคอมมิวนิสต์เวียดนามนั้นมีลักษณะ “ลิเบอรัล” มากกว่าที่ชาวต่างชาติคาดคิด ไม่ว่าจะเป็นในโฮจิมินห์ หรือกรุงฮานอย บ่อยครั้งที่จะได้เห็นวัยรุ่น หรือคนหนุ่มสาวนั่งพลอดรักกันในสวนสาธารณะ บนม้านั่งริมทางเท้า ริมทะเลสาป หรือแม้กระทั่งบนเกาะกลางถนนในยามเย็น หลายคนกล่าวว่า สภาพแบบนี้เกิดขึ้นจากความกดดันทางสังคม และครอบครัวเป็นหลัก กล่าวคือ ครอบครัวในเวียดนามทั่วไปจะมีพื้นที่จำกัดสำหรับพ่อแม่ลูกเท่านั้น ไม่สามารถจะต้อนรับ “คนนอก” ได้
หนุ่มสาวในยุคใหม่จึงจำเป็นจะต้องหาพื้นที่เฉพาะสำหรับตนกับคนรัก จนกว่าจะแต่งงาน และมีครอบครัวใหม่เป็นของตน.