นักท่องเที่ยวจีนในเวียดนามลดฮวบ หลังเหตุพิพาทแท่นขุดเจาะน้ำมันทะเลจีนใต้

เอเอฟพี - เป็นเวลานานหลายปี ที่เหวียน ฮิว เซิน ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนทั่วนครด่าหนัง เมืองชายฝั่งยอดนิยมของเวียดนาม แต่ความขัดแย้งทางทะเลระหว่างฮานอย และปักกิ่ง ทำให้เวลานี้เขากลายเป็นคนว่างงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านคอมมิวนิสต์ลดระดับลงถึงจุดต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ เมื่อปักกิ่งเคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันทะเลลึกเข้าไปในน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้เมื่อต้นเดือน พ.ค. จนทำให้เกิดเหตุจลาจลรุนแรงในเวียดนาม และแม้ว่าจีนจะย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันออกจากพื้นที่ดังกล่าว แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับยังไม่หวนคืนมา

“มันไม่เคยแย่แบบนี้มาก่อน บริษัทของผมแทบจะไม่มีลูกค้า ไม่มีงานเลย” เซิน กล่าว

เงินเดือนของเซิน ถูกปรับลดลง 2 ใน 3 แต่เขาก็รู้สึกละอายที่จะรับเงินเดือน เพราะรู้ดีว่าบริษัทของเขาไม่มีรายได้เลยในตอนนี้

“เรามุ่งความสนใจไปที่นักท่องเที่ยวรายบุคคล ไม่เน้นกรุ๊ปทัวร์ เพราะ 100% ของกรุ๊ปทัวร์ได้ยกเลิกการเดินทางไปแล้ว ผมไม่มีอะไรทำเลย” เซิน กล่าวและว่า เขากำลังมองหางานใหม่

หลังจากเหตุจลาจลในกลางเดือน พ.ค. ทางการจีนระบุว่า มีชาวจีนเสียชีวิต 4 คน และปักกิ่งได้อพยพพลเมืองหลายพันคนออกจากเวียดนาม พร้อมทั้งประกาศเตือนภัยการท่องเที่ยวในเวียดนาม

โจนาธาน ลอนดอน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกถึงหนึ่งในการรณรงค์ของปักกิ่งที่ลดการท่องเที่ยวของจีนต่อฟิลิปปินส์ จากข้อพิพาทเกี่ยวกับสันดอนสกาโบโรห์ ในทะเลจีนใต้

หลังความขัดแย้งเกี่ยวกับสันดอนสกาโบโรห์ ปักกิ่ง ได้เตือนพลเมืองของตนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางในฟิลิปปินส์ ที่ส่งผลให้มีการยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

รายงานของทางการเวียดนาม ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังเวียดนามในเดือน มิ.ย. ลดลง 29.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือน มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมด 136,726 คน ลดลงจาก 194,018 คน ในเดือน พ.ค. และ 216,659 คน ในเดือน เม.ย. ของปีนี้

แต่อย่างไรก็ตาม เวียดนามจะยังคงส่งเสริมการท่องเที่ยวในจีน ในเป้าหมายที่จะแสดงให้เห็นว่าเวียดนามเป็นปลายทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เหวียน แม็ง เกื่อง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ระบุ

การท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเวียดนาม ที่คิดเป็นสัดส่วยเกือบ 6% ของ GDP ในปี 2556

นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศกลุ่มใหญ่ที่สุด ด้วยจำนวนมากกว่า 1.1 ล้านคน ในทั้งหมดของปี 2557 แม้จะลดลงอย่างมากหลังจากเดือน พ.ค. ก็ตาม ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่รองลงมาคือ เกาหลีใต้ ที่จำนวนทั้งสิ้น 405,634 คน

นักท่องเที่ยวชาวจีนโดยเฉลี่ยอาศัยอยู่ในเวียดนาม 5 วัน และใช้จ่ายเงินขณะเดินทางอยู่ในเวียดนามประมาณ 300 ดอลลาร์ หากเดินทางทางบก หรือ 700 ดอลลาร์ หากเดินทางโดยเครื่องบิน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวยุโรป หรืออเมริกัน จะพักอาศัยในเวียดนามเฉลี่ยประมาณ 10 วัน และใช้จ่ายราว 3,000 ดอลลาร์ ในระหว่างท่องเที่ยว

นักวิชาการจากวิทยาลัยการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮ่องกง ระบุ การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเหตุขัดแย้งทางทะเลปะทุขึ้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า ปักกิ่งใช้การท่องเที่ยวขาออกเป็นการคว่ำบาตร

รัฐบาลจีน สามารถใช้นักท่องเที่ยวขาออกแสดงให้เห็นความแข็งกร้าว ดังเช่นตัวอย่างของฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังเหตุขัดแย้งปี 2555 กรณีหมู่เกาะเซนกากุ หรือที่จีนเรียกหมู่เกาะเตียวหยู

ในอีกด้านหนึ่ง นักท่องเที่ยวเวียดนามได้ยกเลิกการเดินทางไปยังจีนเช่นกัน แม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ประกาศคำเตือนการเดินทางใดๆ

“นี่เป็นวิธีที่จะแสดงความรักชาติ ชาวเวียดนามชอบเดินทางไปจีน แต่เวลานี้พวกเขายกเลิกการเดินทางเพื่อแสดงความรักชาติ” ตัวแทนท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ระบุ

เจิ่น ถิ ลาน อายุ 54 ปี ครูจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน จ.เหงะอาน ที่จองเดินทางท่องเที่ยวในจีน ช่วงฤดูร้อน ระบุว่า ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกการเดินทางดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมของรัฐบาลจีนไม่สามารถยอมรับได้

“เราตัดสินใจที่จะไม่เดินทางเพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเรา เราไม่ต้องการที่จะเดินทางพักผ่อนในประเทศที่รุกล้ำน่านน้ำของเรา” เจิ่น ถิ ลาน กล่าว.