ซินหวา - นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา วานนี้ (7) ได้เดินทางไปเยี่ยมกองกำลังทหารที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เพื่ออธิบายการตีความคำตัดสินของศาลโลกเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทกับไทย
ฮอร์ นัมฮง อธิบายคำตัดสินของศาลโลกในคดีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารต่อบรรดานายทหารมากกว่า 1,000 นาย ที่ศูนย์บัญชาการทหารที่ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหาร ทางตะวันตกราว 20 กม. พร้อมระบุว่า กัมพูชาพอใจกับการตัดสินใจของศาลครั้งนี้
ศาลโลกมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ระบุว่า กัมพูชานั้นมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนทั้งหมดของชะง่อนผา (promontory) ปราสาทพระวิหาร และไทยอยู่ภายใต้ข้อผูกพันที่จะต้องถอนทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือผู้รักษาการณ์ที่ประจำการออกจากพื้นที่ดังกล่าว
และนายฮอร์ นัมฮง ยังระบุว่า ศาลได้กำหนดเขตพื้่นที่ปราสาท และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงด้วยแผนที่ภาคผนวก 1 (Annex I)
“ในขั้นต่อไปการเจรจาแรกของเรากับไทยจะเกี่ยวกับการถอนทหารไทยออกจากพื้นที่ตามที่ศาลมีคำสั่งให้ไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว และการเจรจาอีกเรื่องหนึ่งจะเกี่ยวกับพื้นที่ภูมะเขือ” นายฮอร์ นัมฮง กล่าวกับกองกำลังทหาร
“การเจรจาทั้ง 2 เรื่องกับไทยจะอยู่บนฐานของแผนที่ภาคผนวก 1 ที่ศาลโลกใช้” นายฮอร์ นัมฮง กล่าวย้ำ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนในการเจรจากับไทยเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้
ด้านนายเคียว กัญฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวเมื่อวันอังคาร (3) ว่า กัมพูชาจะไม่เร่งการเจรจากับไทยเกี่ยวกับการดำเนินการตามคำตัดสินของศาล เนื่องจากต้องการให้เวลารัฐบาลของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แก้ไขปัญหาการเมืองภายในประเทศ
กัมพูชา และไทยมีปัญหาขัดแย้งเกี่ยวกับพรมแดนมาตั้งแต่เดือน ก.ค.2551 เมื่อยูเนสโกขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และไทยอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่อยู่ถัดจากตัวปราสาท ทำให้ปราสาทกลายเป็นจุดอ่อนไหวที่มีการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่าย.