พม่าขอประชาชนอยู่ในความสงบ หลังจลาจลศาสนารัฐชาน

เอเอฟพี - รัฐบาลพม่าเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบในวันนี้ (29) หลังกลุ่มม็อบเผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชาวมุสลิม สุเหร่า และร้านค้า ระหว่างเหตุความรุนแรงทางศาสนาที่ปะทุขึ้นรอบใหม่ในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ

สถานการณ์อยู่ในความควบคุม หลังจากทางการประกาศเคอร์ฟิวในคืนวานนี้ (28) ที่เมืองลาเฉียว รัฐชาน ตามการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุว่า ความไม่สงบเเริ่มเกิดขึ้นจากที่ชายชาวมุสลิมเข้าทำร้ายหญิงชาวพุทธ

ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุรุนแรงครั้งนี้ ที่เป็นความรุนแรงครั้งล่าสุดในหลายระลอกที่กลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อรัฐบาลนักปฏิรูปของประเทศ หลังสิ้นสุดการปกครองของทหารที่ยาวนานหลายทศวรรษ

“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชาวมุสลิม และสุเหร่าถูกเผาทำลายเสียหาย ร้านค้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และอาคารใกล้เคียงถูกทำลายเช่นกัน” เจ้าหน้าที่รัฐในเมืองลาเฉียว ที่ไม่ต้องการระบุชื่อกล่าว

ตามรายงานของสื่อทางการระบุว่า เหยื่ออายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้บริเวณหน้าอก หลัง และมือ แต่อาการของผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ไม่สาหัส

ส่วนชายชาวมุสลิมอายุ 48 ปี ถูกจับกุมตัวจากเหตุดังกล่าว หลังพระสงฆ์หลายสิบรูปรวมตัวกันหน้าสถานีตำรวจเมืองลาเฉียว

ความตึงเครียดยังคงมีสูงในเมืองลาเฉียววันนี้ (29) ที่ชาวมุสลิมในพื้นที่รายหนึ่งระบุว่า ถนนหลายสายว่างเปล่าเนื่องจากมีข่าวลือว่าจะเกิดการโจมตีครั้งใหม่

“เรากังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชาวมุสลิมส่วนใหญ่พยายามไปอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย เราไม่รู้ว่าเราจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว

ส่วนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ถูกวางเพลิงเผา ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า เด็กๆ ได้อพยพออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนที่กลุ่มม็อบจะโจมตี

ด้านนายเย ตุ๊ต โฆษกประธานาธิบดี ได้เขียนข้อความลงบนเฟซบุ๊กของตนเองร้องขอให้ยุติความรุนแรง โดยระบุว่า ต้องการให้ทุกคนควบคุมตัวเอง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในเมืองลาเฉียว หรือในที่อื่นๆ

ภาพถ่ายบนเว็บไซต์ของกระทรวงข่าวสารที่ถูกถ่ายขึ้นในคืนวันอังคาร (28) เผยให้เห็นอาคารหลายหลังที่ถูกเพลิงเผาไหม้เสียหาย และฝูงชนกำลังมองเปลวเพลิงลุกไหม้ร้านค้าริมถนน

สถานการณ์ความรุนแรงทางศาสนาในพม่า ทำให้นานาชาติส่งเสียงเตือน ดังที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้แสดงความวิตกกังวลต่อเหตุโจมตีต่อต้านชาวมุสลิม ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีเต็งเส่ง

ในเดือน มี.ค. มีประชาชนอย่างน้อย 44 คน ถูกสังหารในความรุนแรงระหว่างศาสนาที่ปะทุขึ้นในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ ที่บ้านเรือนหลายพันหลังถูกวางเพลิงเผาในเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นจากการทะเลาะเบาะแว้งที่ร้านขายทองที่ชาวมุสลิมเป็นเจ้าของ

การโจมตีต่อต้านชาวมุสลิมได้สร้างความแตกร้าวที่ฝังลึกในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธ และกลายเป็นเงาบดบังการปฏิรูปทางการเมืองที่ได้รับความชื่นชมอย่างกว้างขวาง

พระสงฆ์บางรูปได้เข้ามามีส่วนในความรุนแรง ขณะที่บางรูปเป็นแนวหน้าเคลื่อนไหวต่อต้านร้านค้าของชาวมุสลิม

วิระธู พระสงฆ์รูปหนึ่งจากเมืองมัณฑะเลย์ ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงต่อต้านชาวมุสลิม ได้เผยแพร่ภาพถ่ายหญิงชาวพุทธที่ได้รับบาดเจ็บหลายภาพบนเฟซบุ๊ก

ความไม่สงบเมื่อปีก่อน ที่เป้าหมายการโจมตีส่วนใหญ่คือชาวมุสลิมโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 200 คน และอีกหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่.