.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามชุดปัจจุบัน ระหว่างวันที่ 1-11 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งเกิดขึ้นคือ ที่ประชุมได้โหวตลงมติเลือกสมาชิกกรมการเมืองเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งในนั้น 1 คน เป็นดุษฎีบัณฑิต และเคยศึกษาในสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ในรอบกว่า 60 ปีที่ผ่านมา ที่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐฯ คนหนึ่งมีโอกาสขึ้นสู่องค์การอำนาจสูงสุดของพรรค
ศ.ดร.เหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) รองนายกรัฐมนตรีฯ กับนางเหวียนถิกิมเงิน (Nguyen Thi Kim Ngan) รองประธานรัฐสภาคนที่ 2 ได้ทำให้คณะกรรมการกรมการเมืองมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 16 คน และเป็นสตรี 2 คน
ตามประวัติอย่างเป็นทางการ นางกิมเงิน เกิดวันที่ 12 เม.ย.2497 ที่ จ.เบ๊นแจ (Ben Tre) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง เป็นมหาบัณฑิตเศรษฐศาสตร์ สาขาสินเชื่อและการเงิน ได้รับเลือกเป็นรองประธานรัฐสภาคนที่ 2 หลังการเลือกตั้งต้นปี เมื่อปี 2554 อดีตเคยเป็นเลขาธิการพรรคสาขา จ.หายซเวือง (Hai Duong) เขตลงทุนอุตสาหกรรมอยู่ติดกรุงฮานอย เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และ รมช.กระทรวงพาณิชย์
ระหว่างดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงแรงงาน นางกิมเงิน ได้รับการยกย่องจากสื่อของทางการ ในเรื่องการตัดสินที่แม่นยำ และดำเนินการอย่างรวดเร็ว สามารถนำคนงานเวียดนามหลายหมื่นคนกลับจากลิเบียได้อย่างปลอดภัย ในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศนั้น
ส่วน ดร.เหวียนเทียนเญิน เกิดวันที่ 12 มิ.ย. พ.ศ.2496 เป็นชาว จ.ก่ามาว (Ca Mau) ทางตอนใต้สุดของประเทศ เช่นเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung)
ตามประวัติอย่างเป็นทางการที่ตีพิมพ์ในเว็บไซต์รัฐบาลเวียดนาม ดร.เญิน เรียนสำเร็จปริญญามหาบัณฑิตเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐกิจแบบตลาด จากมหาวิทยาลัยเทคนิคแม็กเดบวร์ก (Technical University of Magdeburg) ในเยอรมนีตะวันออก และดุษฎีบัณฑิตสาขาไซเบอร์เนติก (cybernetics) จากสถาบันเดียวกัน
ในช่วงปี 2534-2538 ได้ไปศึกษาต่อคณะบริหารรัฐกิจ สาขาบริหารชุมนุมที่มหาวิทยาลัยโอเรกอน (University of Oregon) สหรัฐฯ จนสำเร็จระดับปริญญาโท และยังได้เข้าศึกษาอบรมสาขาการจัดการและบริหารการลงทุนที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด
เคยเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันเทคนิคการทหาร กระทรวงกลาโหม มียศนายร้อยโท ต่อมา เป็นอาจารย์ ศาสตราจารย์ และเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งนครโฮจิมินห์ ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการประชาชนของนครใหญ่แห่งภาคใต้ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรม และเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม
.
2
3
4
ดร.เญิน ได้รับเลือกเป็นกรรมการกลางพรรคติดต่อกันมา 3 สมัย จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเป็นผู้แทนราษฎรในรัฐสภามา 3 สมัยติดต่อกันเช่นเดียวกัน การได้รับเลือกเข้าสู่กรมการเมืองพรรค ทำให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงภายองค์กรสูงสุดของพรรค ขณะที่ผู้นำคนอื่นๆ ล้วนผ่านการศึกษาอบรมจากกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียตเมื่อก่อน
นายเญิน ขึ้นเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการฯ ในปี 2549 ก่อนจะควบตำแหน่งรองนายกฯ ในเดือน ส.ค.ปีถัดมา จนกระทั่งถึงปี 2553 ซึ่งระหว่างนั้นการศึกษาของประเทศอยู่ในยุคตกต่ำ ด้วยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตการสอบของนักเรียนในทุกระดับชั้น รัฐมนตรีใหม่ได้ประกาศให้เป็น “เยียร์ซีโร่” ทางการศึกษา เริ่มรณรงค์การสร้างบุคลากรอันเป็นที่มาของแผนการผลิตมหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตที่เรียนจบจากต่างประเทศให้ได้ 20,000 คน ภายในปี 2563
ในปี 2553 ดร.เญิน ทำการปรับเงินเดือนครูทั่วประเทศขึ้นสู่ระดับที่ “อยู่ได้” ขณะเดียวกัน ก็ได้เริ่มนโยบายปฏิรูปการศึกษาชั้นสูงให้สถาบันอุดมศึกษามีอำนาจในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น ในนั้นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่จะต้องสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองเป็นหลัก
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ หรือรัฐมนตรีศึกษาธิการ-รองนายกฯ ดร.เญิน เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดีในหมู่นักลงทุนชาวต่างชาติ และว่ากันว่า เป็นผู้มีบทบาทสำคัญมากในการดึงเอากลุ่มอินเทล (Intel Corp) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกเข้าลงทุนตั้งโรงงานผลิต ผลิตและทดสอบชิปในนครโฮจิมินห์ ในช่วงปี 2548-2549
หลายฝ่ายมองว่า การได้รับเลือกเข้าสู่กรมการเมืองครั้งนี้ทำให้ ดร.เญิน มีโอกาสอย่างสูงที่จะได้เข้าแทนที่นายกรัฐมนตีคนปัจจุบัน ที่ยังมีวาระอีกเพียง 3 ปีเศษ แต่อีกหลายฝ่ายก็กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พรรคคอมมิวนิสต์มีความระมัดระวังอย่างสูง ต่อ “การเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ” เช่นที่เคยทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายมาแล้ว.