xs
xsm
sm
md
lg

จลาจลพม่าปะทุอีก เผาสุเหร่า-บ้านเรือนกว่า 40 หลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR ><FONT color=#000033>ทหารยืนรักษาการณ์ริมถนนสายหนึ่งในเมืองเม็กทิลา (Meiktila) ในวันเสาร์ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดจลาจลใหญ่ก่อนหน้านี้เพียง 3 วันมีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 32 คน อีกเกือบ 10,000 ไร้ที่อาศัยและทางการประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองนี้ ในคืนวันเสาร์เช่นกันได้เกิดเหตุปะทะรอบใหม่ระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในเมืองนี้ และในหมู่บ้านบางแห่งย่านรอบนอก ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บและทางการจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 43 เจ้าหน้าที่พม่ากล่าว. --   REUTERS/Soe Zeya Tun.<b>
.

ย่างกุ้ง 24 มี.ค. (เอเอฟพี) - มีบ้านเรือนราษฎรหลายสิบหลังคา กับสุเหร่าอีก 1 แห่งถูกเผาในการจลาจลรอบใหม่ที่เกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ในภาคกลางของพม่า และมีผู้ถูกจับกุมไปจำนวนมากในเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันอาทิตย์นี้

“มีบานเรือนถูกเผาทั้งหมด 43 หลังคา กับสุเหร่าอีก 1 แห่งเมื่อคืนนี้ (วันเสาร์) .. บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นของชาวมุสลิม” เจ้าหน้าที่ระดับตำบลในเขตเมืองยาเมติน (Yamethin) ใกล้กับเมืองหลวงเนปีดอ กล่าวกับเอเอฟพี และเสริมว่า ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บในเหตุไม่สงบครั้งใหม่นี้

“เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่”

กระทรวงแถลงข่าวกล่าวว่า มีผู้ถูกจับกุมไป 52 คน พร้อมอาวุธ และมี 13 คนถูกจับในเมืองเม็กทิลา (Meiktila) ซึ่งการจลาจลใหญ่สัปดาห์ที่แล้วทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 ราย อีกหลายพันคนไร้ที่อาศัย

กระทรวงนี้ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกในหมู่บ้าน 2 แห่ง ในขณะที่ปัญหาระหว่างชาวพุทธ กับชาวมุสลิมบานปลายออกไป

นายวิชัย นามเบียร์ (Vijay Nambiar) ที่ปรึกษาพิเศษในกิจการพม่าของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ได้ไปเยือนเม็กทิลาที่ซึ่งการจลาจลปะทุขึ้นวันพุธสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงความเศร้าสลดต่อการเสียชีวิตและการทำลาย แต่ก็กล่าวว่าชาวเมืองต้องการที่จะสร้างชีวิตที่แตกร้าวขึ้นมาใหม่

การปะทะกันครั้งนี้ได้เตือนความทรงจำการท้าทายต่อรัฐบาลกึ่งพลเรือน จากความตึงเครียดที่เลวร้ายลงระหว่างชาวพุทธ กับชาวมุสลิม ขณะดำเนินความพยายามปฏิรูปประเทศหลังจากตกอยู่ใต้การปกครองของฝ่ายทหารมานานหลายทศวรรษ

ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นนี้นับว่าร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ชาวพุทธกับชาวมุสลิมปะทะกันในรัฐระไค (Rakhine) เมื่อปีที่แล้ว ที่มีผู้เสียชีวิต 180 คน อีกกว่า 11,000 คน ต้องพลัดถิ่นฐาน.
.
กำลังโหลดความคิดเห็น