เอเอฟพี - ผู้นำยุโรปเข้าร่วมประชุมสุดยอด “อาเซม” ในลาวอย่างคึกคักเมื่อวันจันทร์ (5) โดยมุ่งยืนยันกับเอเชียว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซนใกล้ควบคุมได้อยู่หมัด พร้อมหาทางกระชับสัมพันธ์ทางการค้า และดึงตะวันออกไกลเป็นพันธมิตรฟื้นการเติบโต รวมทั้งคานอำนาจอิทธิพลของอเมริกาที่หวนกลับมายังภูมิภาคแถบนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรป ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี และเฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เป็นหัวหอกสำคัญในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำของเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้น 2 วันเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ในคราวนี้ ด้วยความพยายามที่จะกระตุ้นการค้ากับเอเชียที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ออลลองด์กล่าวว่า เป้าหมายหลักของทัวร์เอเชียครั้งแรกนับจากรับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมของเขาคราวนี้ คือ การถ่ายทอดข้อความอันสำคัญที่ว่า ยุโรปยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และขณะเดียวกัน เอเชียก็มีบทบาทสำคัญในการเติบโตทั้งของยุโรป และของทั่วโลก
“เอเชียได้ประโยชน์อย่างมากจากการเติบโตของเรา และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เอเชียจะใช้ดีมานด์ของตนเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเรา”
ผู้นำฝรั่งเศสยังใช้โอกาสนี้วิจารณ์ปักกิ่งที่ควบคุมเงินหยวนเคร่งครัด เนื่องจากทำให้พญามังกรได้เปรียบการค้าโดยไม่เป็นธรรม
ตลอดเวลาหลายปีมานี้ ฝ่ายตะวันตกประณามพม่าอย่างรุนแรงในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงการกักบริเวณอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน และเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ตลอดจนคุมขังนักโทษการเมืองอีกมากมาย จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งให้แก่สองภูมิภาค และยังทำให้พม่าถูกจำกัดสิทธิให้ส่งได้แค่เฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศร่วมประชุมสุดยอดอาเซมซึ่งจัดขึ้น 2 ปีครั้ง
แต่หลังจากที่พม่าแสดงให้เห็นถึงการปฏิรูปที่มีความจริงจัง ซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวนักโทษการเมืองจำนวนมาก และซูจีก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ฝ่ายตะวันตกก็เริ่มผ่อนคลายการคว่ำบาตรเป็นการตกรางวัล รวมทั้งประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้รับเชิญร่วมประชุมซัมมิตที่กรุงเวียงจันทน์คราวนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ฝ่ายตะวันตกกำลังตั้งคำถามขึ้นมาว่า มองแง่ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในพม่ามากไปหรือไม่ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะนองเลือดระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมโรฮิงยาในรัฐยะไข่ของพม่า
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ กล่าวที่เวียงจันทน์ในวันจันทร์ เรียกร้องให้พม่าจัดการ “ปัญหาสถานะของชาวโรฮิงยาที่ยังไม่ได้รับการสะสาง” และสำทับว่า จะหยิบยกเรื่องนี้หารือกับผู้นำพม่าถ้ามีโอกาส
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมิถุยายนเป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และผู้คนกว่า 100,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัยเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงในยะไข่
ทางด้าน มาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ขานรับว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กังวลกับความรุนแรงดังกล่าว
“แต่การที่เราหารือกันในเวียงจันทน์วันนี้โดยเกือบไม่มีพม่าเป็นประเด็นหลักในการหารือเหมือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า พม่าเดินทางมาไกลเพียงใดบนเส้นทางการผ่องถ่ายสู่ประชาธิปไตย”
สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ถูกตะวันตกกล่าวหามาตลอดว่า เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบรรดานายพลที่ปกครองพม่ามาหลายทศวรรษ
อย่างไรก็ดี การผ่อนเพลาการโจมตีทางการทูตถือเป็นสัญญาณว่า ยุโรปให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจอันเจิดจรัสของเอเชียมากขึ้น และปรารถนาจะเข้ามาคานอิทธิพล และการมีส่วนร่วมที่เพิ่มมากขึ้นของอเมริกาในภูมิภาคนี้
ราจีฟ บิสวอส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัทที่ปรึกษา ไอเอชเอส โกลบัล อินไซต์ ชี้ว่า ความที่อียูอยู่ในสภาพหลังชนฝาจากภาวะถดถอยเรื้อรัง และมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง ผู้นำทางการเมือง และธุรกิจของยุโรปจึงเล็งเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็วให้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ
บิสวอสยังคาดการณ์ว่า เอเชียจะมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านการเมือง และเศรษฐกิจต่อยุโรปมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษหน้า
นอกจากนี้ ผู้นำยุโรปยังอาจพยายามล็อบบี้นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีน ให้นำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศบางส่วนจากที่มีอยู่ทั้งสิ้นราว 3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในโลก ไปลงทุนในกองทุนฟื้นเสถียรภาพการเงินยุโรป
ขณะเดียวกัน ผู้เข้าประชุมบางชาติ เช่น ฟิลิปปินส์ ยังต้องการให้มีการหารือเรื่องข้อพิพาทอธิปไตยทางทะเล ทว่า เรื่องนี้มีแนวโน้มสูงว่าจะถูกต่อต้านจากจีน.