.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผลการสืบเสาะเป็นเวลา 20 ปี ได้พบข้อมูลใหม่ล่าสุดว่า อาจจะมีเครื่องบินขับไล่สปิตไฟร์ (Spitfire) ถูกฝังไว้ในพม่าถึง 140 ลำ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประมาณการเดิมถึง 100 ลำ และเป็นเป้าหมายที่เร้าใจมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้เสาะแสวงหาจากเกาะอังกฤษ
การขุดร่วมกับหุ้นส่วนในพม่ากำลังจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ สื่อในอังกฤษรายงาน
เครื่องบินทั้งหมดถูกฝังเอาไว้โดยทหารสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2488 ด้วยวิตกว่ากองทัพพระจักรพรรดิจากญี่ปุ่นที่กำลังรุกคืบในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาบสมุทรอินโดจีนจะไปพบเข้า และใช้มันเป็นอาวุธย้อนกลับไปทำอันตรายต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงที่สงครามเอเชียบูรพากำลังใกล้งวด และอังกฤษถอยร่นจากพม่า
เครื่องบินสปิตไฟร์ทั้งหมดส่งไปยังพม่าก่อนหน้านั้นทางเรือ โดยแยกชิ้นพับปีกของมันเข้ากับลำตัว บรรจุในลังไม้ขนาดใหญ่แน่นหนา ทุกชิ้นส่วนหุ้มห่อด้วยกระดาษอาบน้ำมัน ข้อต่อ และลูกปืนต่างๆ หุ้มด้วยจาระบี และเวลาผ่านไปเกือบ 70 ปี ทุกฝ่ายเชื่อว่า ยานบินที่สวยงามจะยังมีสภาพคงอยู่เหมือนกับตอนที่ออกจากโรงงานผลิตของบริษัทบริติชซูเปอร์มารีน
นายเดวิด คันดอล (David Cundall) เกษตรกรชาวอังกฤษกินไม่ได้นอนไม่หลับหลายปีหลังจากได้รับทราบเบาะแสเรื่องนี้จากทหารผ่านศึกชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่ง สปิตไฟร์ถูกฝังไว้ในหลายแหล่ง ลึกลงไปจากผิวดิน 40 ฟุต ในสภาพเดิมๆ ที่ถูกนำลงจากเรือสินค้า เขาเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ราว 10 ปีจนแน่ใจ
แหล่งหนึ่งที่เชื่อว่าจะมีจำนวนมากที่สุดก็คือ ที่สนามบินมีงกะลาโดง หรือสนามบินนานาชาติกรุงย่างกุ้งทุกวันนี้
การออกค้นหาเครื่องบินเก่าไม่ใช่เรื่องง่าย และมีค่าใช้จ่าย ตลอดเวลา 15 ปีต่อมานายคันดอลเดินทางเข้าออกพม่าเป็นว่าเล่น เขาใช้เงินออมของตัวเองไป 210,000 ดอลลาร์ และเพิ่งได้ข้อสรุปทั้งหมดเมื่อต้นปีนี้ หลังจากมีการหารือในระดับรัฐบาลระหว่างนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีไปเยือนพม่ายุคใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลพม่าอนุญาตให้ค้นหา และขุดขึ้นมาได้
แรกเริ่มทีเดียวเมื่อ 25 ปีที่แล้ว นายคันดอลได้ทราบว่า มีเครื่องบินถูกฝังอยู่เพียง 20 ลำเท่านั้น การค้นหาจนถึงต้นปี 2555 นี้ พบว่า อาจจะมีอยู่ 40-60 ลำ แต่ด้วยความร่วมมือช่วยเหลือจากฝ่ายพม่าในการค้นคว้าเอกสาร และหลักฐานต่างๆ ทำให้เชื่อว่าจะมีสปิตไฟร์ถูกฝังเอาไว้ถึง 140 ลำ
หลักฐานใหม่ระบุว่า ทหารสหรัฐฯ ฝังสปิตไฟร์พวกนี้เอาไว้ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งกองทัพอังกฤษจะกลับไปกู้พวกมันขึ้นมา และนำกลับประเทศเพื่อปัดฝุ่นนำไปใช้อีกครั้ง แต่การณ์กลับเป็นตรงข้าม กองทัพอากาศสหราชอาณาจักรไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เนื่องภายในประเทศมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กลายเป็น “ขยะสงคราม” ต้องกำจัดทิ้งจำนวนมากมายมหาศาลหลังสงครามโลกยุติลงในปีนั้น
ขณะเดียวกัน ก็มีเครื่องบินรบยุคใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ไอพ่นทันสมัยยิ่งกว่าออกมาใช้ประจำการแทนที่ เครื่องบินใบพัดจำนวนมากถูกย่อยเป็นเศษเหล็กออกชั่งกิโลขาย สปิตไฟร์ในพม่าจึงถูกลืมสนิท
ในยุคปัจจุบัน ยังมีสปิตไฟร์บินได้อยู่ราว 35 ลำทั่วโลก และซื้อขายกันลำละประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์ หากขุดขึ้นมาได้ทั้ง 140 ลำ และขายในราคานี้ก็จะเป็นเงินก้อนใหญ่ราว 350 ล้านดอลลาร์ จึงทำให้เกิดยุคใหม่อันรุ่งโรจน์สำหรับสปิตไฟร์ที่ถูกลืมเอาไว้ในโพ้นทะเล
ก่อนหน้านี้มีการเล่าลือกันว่า มีสปิตไฟร์ฝังอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลียถึง 232 ลำ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงข่าวลือ
ข่าวการพบสปิตไฟร์ในพม่า ทำให้วงการสะสมเครื่องบินเก่า และพิพิธภัณฑ์ต่างตอบรับอย่างกว้างขวาง ทุกฝ่ายอยากจะเห็นนกเหล็กที่เคยมีบทบาทอย่างสูงในการป้องกันเกาะอังกฤษให้รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของนาซีเยอรมันในยุคโน้น กลับขึ้นบินได้อีกครั้ง.
.
2
3
4
5
6