“เต็งเส่ง” แนะเกษตรกรในพื้นที่น้ำท่วมทำธุรกิจเสริม

ซินหัว - ประธานาธิบดีเต็งเส่ง แนะเกษตรกรในเขตพะโค และอิรวดีที่สูญเสียพื้นที่ปลูกข้าวเพราะน้ำท่วมเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ดำเนินธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้โดยไม่ต้องพึ่งเพียงรายได้ที่มาจากภาคการเกษตรเท่านั้น หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์รายงานวานนี้ (25 ส.ค.)

ระหว่างการเดินทางเพื่อตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่ทั้ง 2 เขต ประธานาธิบดีเต็งเส่งระบุว่า ภาคเกษตรกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศ ภาวะน้ำท่วมส่งผลให้สูญเสียพื้นที่ในภาคเกษตรกรรมบางส่วน รวมทั้งรายได้รัฐที่จะลดลง

ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ยังได้พบกับเกษตรกรมากกว่า 600 คน จาก 8 เมืองที่ถูกน้ำท่วม และ 18 เมืองในทั้ง 2 เขต พร้อมเสนอกู้ยืมเงินทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรและจัดหาความช่วยเหลือให้แก่เหยื่อประสบภัยน้ำท่วม ที่เป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน การศึกษา และสุขภาพ

รายงานระบุว่า น้ำท่วมทั่วประเทศเนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องไม่สิ้นสุด และน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่มากกว่า 1,500,000 ไร่ โดยพื้นที่มากกว่า 170,000 ไร่ จมอยู่ใต้น้ำมานานเกือบเดือน

น้ำท่วมพื้นที่ในเขตอิรวดีเกือบ 700,000 ไร่ เขตพะโคประมาณ 480,000 ไร่ และเขตตะนาวศรี ประมาณ 31,000 ไร่

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร ระบุว่า ผลผลิตข้าวในเขตย่างกุ้ง และเขตอิรวดีที่ถือเป็นอู่ข่าวของประเทศ เป็นแหล่งผลิตข้าวพื้นที่หลัก คาดว่าจะลดลงถึงร้อยละ 40 และสำหรับผลผลิตทั้งประเทศลดลงราวร้อยละ 25

จนถึงเวลานี้ โรงเรียนรวม 487 โรง ที่รวมทั้งโรงเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาได้ปิดการเรียนการสอน และจะเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งเมื่อระดับน้ำลดลง ส่วนผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากกว่า 64,000 คน เข้าพักอยู่ในค่ายพักชั่วคราวมากกว่า 200 แห่ง ที่เปิดให้พักในเขตอิรวดี

ตามสถิติของทางการ พม่ามีพื้นที่ปลูกข้าวรวมประมาณ 50 ล้านไร่ โดยเป็นนาในช่วงฤดูฝน 42.5 ล้านไร่ และนาช่วงฤดูร้อน 8.125 ล้านไร่ และพม่าส่งออกข้าวแล้ว 332,342 ตัน ในช่วง 4 เดือนแรก (เม.ย.-ก.ค.) ของปีงบประมาณ 2555-2556 โดยในปี 2554-2555 พม่าส่งออกข้าว 800,500 ตัน ที่ประมาณร้อยละ 75 นั้นส่งขายให้แก่แอฟริกา บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์.