xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามรั้งอันดับ 1 ส่งออกกาแฟโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 22 ก.พ.2554 คนงานกำลังสุ่มตัวอย่างเม็ดกาแฟโรบัสต้าที่โรงงานแห่งหนึ่งชานนครโฮจิมินห์ เวียดนามส่งออกกาแฟโรบัสต้ามากเป็นอันดับ 1 ของโลก หลังผู้ผลิตและผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกาแฟโรบัสต้ามากชึ้น และประเทศผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่เช่นบราซิลและโคลอมเบียเผชิญปัญหาสภาพอากาศที่กระทบต่อผลผลิตกาแฟ.--REUTERS/Kham. </font></b>

ซินหัว - จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.2555 เวียดนามส่งออกกาแฟรวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มปริมาณขึ้นร้อยละ 31.6 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.4 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่งผลให้เวียดนามรั้งอันดับ 1 ผู้ส่งออกกาแฟโลก

ตามข้อมูลของสมาคมกาแฟและโกโก้เวียดนาม (VICOFA) ระบุว่า เนื่องจากเศรษฐกิจโลก และภายในประเทศซบเซา ทำให้ผู้ผลิต และผู้บริโภคกาแฟเปลี่ยนความสนใจมายังกาแฟโรบัสต้า และสิ่งนี้ ทำให้เวียดนามได้เปรียบเนื่องจากเวียดนามเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้าอันดับ 1 นอกจากนั้น ประเทศผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่ เช่น บราซิล และโคลอมเบีย กำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟ

ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือน ม.ค. ถึงเดือน ก.ค. ความต่างของราคาส่งออกกาแฟโรบัสต้าในเวียดนาม และผู้ส่งออกกาแฟรายอื่นๆ ลดลงอย่างมาก จาก 250-300 ดอลลาร์ เหลือเพียง 30-50 ดอลลาร์เท่านั้น

ตามรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ของเวียดนาม ระบุว่า การผลิตกาแฟในเวียดนามได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ปี 2539 และจนถึงตอนนี้ กลายเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรใหญ่อันดับ 2 โดยในตอนนี้ กาแฟเวียดนามมีจำหน่ายในกว่า 80 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก และเวียดนามได้เปรียบในแง่ของปริมาณส่งออกกาแฟ แม้ราคาส่งออกของเวียดนามถูกกว่าเมื่อเทียบกับกาแฟส่งออกจากประเทศอื่น

เวียดนามใกล้จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูเพาะปลูก 2555-2556 ได้ ซึ่งราคากาแฟในเวียดนามได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 38,000 ด่ง ในช่วงเริ่มต้นเพาะปลูก มาเป็น 43,000 ด่งต่อกิโลกรัมในตอนนี้

ข้อมูลของ VICOFA เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีก่อน ปริมาณส่งออกกาแฟอาราบิก้าของเวียดนามเพิ่มขึ้นสูงมาก จาก 24,000 ตันในปี 2552 เป็น 50,000 ตัน ในปี 2554 ราคาส่งออกก็ปรับเพิ่มขึ้น 2 เท่า จาก 2,313 ดอลลาร์ต่อตัน ในปี 2551 เป็น 4,261 ดอลลาร์ต่อตัน ในปี 2554 นอกจากนั้น ราคาส่งออกเทียบระหว่างโรบัสต้า และอาราบิก้า ยิ่งแตกต่างมาก ในปี 2554 ราคาส่งออกอาราบิก้าอยู่ที่ 4,261 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนโรบัสต้าอยู่ที่ 2,099 ดอลลาร์ต่อตัน

MARD ตั้งเป้าที่จะปลูกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่ 250,000 ไร่ ภายในปี 2563 ราวร้อยละ 8 ของพื้นที่ปลูกกาแฟรวมทั้งหมดของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกกาแฟท้องถิ่นยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งภายในประเทศ และโลก และตามข้อมูลของ VICOFA ระบุว่า ผลผลิตกาแฟที่กำลังจะมีขึ้นนั้น จะลดลงร้อยละ 15 เนื่องจากเกษตรกรกำลังปลูกต้นกาแฟใหม่ ทำให้ในตอนนี้ มีพื้นที่มากกว่า 750,000 ไร่ ไม่มีผลผลิต

เวียดนามกำหนดแผนสำหรับการผลิตกาแฟปี 2563 และวิสัยทัศน์ปี 2573 โดยตั้งเป้าให้มีพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งสิ้น 3,125,000 ไร่ ในปี 2563 และปรับปรุงให้สามารถผลิตกาแฟได้ 2.4 ตันต่อไร่ และขยายเพิ่มเป็น 2.5 ตันต่อไร่ ในปี 2573 ส่วนการแปรรูปกาแฟตั้งเป้าให้มีขนาดการผลิตที่ 120,000-130,000 ตันต่อปี และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ผู้ผลิตกาแฟ และผู้ส่งออกจะต้องมุ่งเน้นที่ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ส่งออก และในเวลาเดียวกัน ต้องให้ได้ตามความต้องการสำหรับบริโภคในประเทศด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น