.
วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดการควบคุมการลงทุนในพม่าในวันพฤหัสบดีนี้ พร้อมตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำประเทศนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่สหรัฐฯ ยังคงกฎหมายคว่ำบาตรต่อพม่า และต่อบุคคลที่โยงใยกับอดีตคณะปกครองทหารเอาไว้ ในกรณีที่เกิดมี “การถอยหลัง” เพื่อต่อรองกับพม่า
“เมื่อกำปั้นเหล็กเริ่มคลายในพม่า เราได้ยื่นมือเข้าช่วย และเข้าสู่หน้าใหม่ในปฏิสัมพันธ์เพื่อความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นกับอนาคตอันรุ่งเรืองของประชาชนพม่า” นายโอบามากล่าว
ความเคลื่อนไหวของนายโอบามามีขึ้นหลังจากมีเสียงเรียกร้องจากภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย ขอให้ยกเลิกการคว่ำบาตร รวมทั้งคำเตือนจากนางอองซาน ซูจีสัญลักษณ์ประชาธิปไตย เกี่ยวกับการมองในแง่ดีจนเกินไปต่อการเปิดกว้างทางการเมืองขณะนี้
บัดนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกใบอนุญาตให้มีการลงทุนบางชนิด และบริการด้านการเงินบางประเภท และอนุญาตให้ธุรกิจอเมริกันเข้าทำงานในพม่า แต่ขณะเดียวกัน ก็จะให้มีหลักประกันว่า กลุ่มที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเตะถ่วงความก้าวหน้า จะไม่ได้รับประโยชน์
นายโอบามากล่าวด้วยว่า กฎหมายคว่ำบาตรจะยังอยู่ เพื่อเร่งเร้าการปฏิรูปต่อไป และเพื่อช่วยให้สหรัฐฯ สามารถใช้มาตรการที่หนักหน่วงได้ทันท่วงที หากสหรัฐฯ เห็นว่ามี “การถอยไปข้างหลัง”
นายโอบามายังได้เสนอแต่งตั้งนายเดเร็ค มิตเชล (Derek Mitchell) ซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศในกิจการพม่า เป็นเอกอัครราชทูต และรอการอนุมุติจากวุฒิสภา
.
.
วอชิงตันถอนเอกอัครราชทูตจากพม่า หลังจากมีการปราบปรามการลุกฮือเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2531 และการเลือกตั้งปี 2533 ที่ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของนางออง ซานซูจีได้รับชัยชนะ แต่คณะปกครองทหารไม่ยอมรับ
กฎหมายสหรัฐฯ บัญญัติให้ประธานาธิบดีต้องจำกัดการนำเข้าสินค้าจากพม่า ซึ่งปัจจุบันปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนที่มีฝ่ายทหารหนุนหลัง และสั่งห้ามการลงทุน และบริการการเงินใดๆ ของสหรัฐฯ ในประเทศนั้น
กฎหมายยังให้ประธานาธิบดีอายัดทรัพย์สินของสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มปกครอง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่โยงใยกับอดีตคณะปกครองทหาร
มาตรการของประธานาธิบดีโอบามาที่ประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต แต่กลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อพม่ากล่าวว่า อาจจะเป็นการส่งสัญญาณผิดๆ ในช่วงที่ฝ่ายทหารพม่ายังคงโหมปราบปรามชนชาติส่วนน้อยในรัฐกะฉิ่นอย่างหนัก
นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในวันเดียวกันว่า แม้จะยังคงกฎหมายคว่ำบาตรเอาไว้ก็ตาม แต่ “เป้าหมายของเรา พันธกรณีของเราคือ เคลื่อนไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เราสามารถขยายโอกาสธุรกิจและการลงทุนได้”
.
.
นางคลินตันยังเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ที่นำโดยฝ่ายพลเรือน ให้ดำเนินการขั้นต่อไปเพื่อควบคุมฝ่ายทหาร ที่ปกครองประเทศมาหลายทศวรรษ
ประธานาธิบดีเต็งเส่งได้สร้างความแปลกใจให้แก่นักสังเกตการณ์ในสหรัฐฯ ด้วยการริเริ่มปฏิรูปประชาธิปไตย ยุติการโดดเดี่ยว เปิดทางให้นางซูจีเข้าร่วมการเลือกตั้งซ่อม และได้รับชัยชนะ 43 จากทั้งหมด 45 ที่นั่ง แต่ก็ยังเป็นเพียงเสียงข้างน้อยในรัฐสภาซึ่งจำนวน 1 ใน 4 ของสมาชิกสงวนไว้ให้แก่ตัวแทนจากกองทัพ
นางซูจีสาบานตนเข้าทำหน้าที่ในวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากใช้เวลานานนับ 2 ทศวรรษถูกกักบริเวณในบ้านพัก และในสัปดาห์นี้ผู้นำฝ่ายค้านพม่าได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบสไกป์ไปยังที่ประชุมสัมมนาของผู้ที่ให้การสนับสนุนในสหรัฐฯ ซึ่งรวมทั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช กับนางลอรา บุช ภริยาด้วย
นางซูจีกล่าวเตือนว่า บางครั้งนางรู้สึกว่า “ผู้คนมองในแง่ดีมากเกินไปต่อสิ่งที่เห็นในพม่า ท่านทั้งหลายจะต้องจำไว้ว่า กระบวนการประชาธิปไตยนั้น มิใช่สิ่งที่ไม่สามารถทำให้ย้อนกลับได้”.