รอยเตอร์ - จีนบอกกล่าวพม่าให้รักษาความมั่นคงบริเวณพรมแดนให้ดียิ่งขึ้น หลังผู้ลี้ภัยหลายพันคนหลบหนีการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลพม่าและกบฎชนกลุ่มน้อยข้ามมาฝั่งจีนตั้งแต่ปี 2554
ข้อตกลงหยุดยิงที่ใช้มานาน 17 ปี ของกองกำลังปลดปล่อยชาวกะฉิ่น (KIA) ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มกบฎสำคัญของพม่า หมดวาระลงเมื่อเดือนมิ.ย. 2554 ส่งผลให้ชาวกะฉิ่นหลบหนีเข้ามาตั้งค่ายพักในมณฑลหยุนหนันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพม่าตามแนวพรมแดนติดกับจีน
"การรักษาสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่พรมแดนจีน-พม่า เป็นประเด็นที่ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญ" กระทรวงต่างประเทศจีนอ้างคำกล่าวของนายเจีย ชิ่ง หลิน ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนที่มีต่อนายตูระ ฉ่วย มาน ประธานสภาผู้แทนราษฎรพม่า
"จีนหวังอย่างจริงใจว่าพม่าจะพบสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมด้วยการไกล่เกลี่ยกับชนกลุ่มน้อยและจะปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในระยะยาวในพื้นที่ตามแนวพรมแดนจีน-พม่า" นายเจีย ชิ่ง หลิน กล่าว
จีนปฏิเสธอย่างเป็นทางการต่อการดำรงอยู่ของผู้ลี้ภัยที่สร้างความลำบากใจให้กับรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพม่าและเคียงข้างพม่าเป็นเวลานานระหว่างที่พม่าเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และถึงแม้ว่าพม่าจะยากจนและไม่มั่นคงแต่จีนได้เข้าลงทุนในพม่าเป็นจำนวนมากตั้งแต่โครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงเขื่อนไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม จีนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียอิทธิพลที่มีในพม่าต่อชาติตะวันตกที่เปลี่ยนท่าทีเป็นมิตรกับพม่ามากขึ้น หลังรัฐบาลพม่าผ่อนคลายอำนาจและปล่อยนักโทษการเมือง โดยสหภาพยุโรปและสหรัฐได้ระบุให้การเจรจาสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยเป็นเงื่อนไขในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร.