xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ชายหมายเลข 2” ประกาศกลางศาล เขมรแดงไม่ใช่คนเลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ผู้สื่อข่าวชาวเขมรและต่างชาติรับชมการถ่ายทอดพิจารณาคดีเขมรแดง ขณะนายนวน เจีย (กลาง) ขึ้นให้การในศาล ECCC ในกรุงพนมเปญ วันนี้ (5 ธ.ค.). --  AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy. </font></b>

เอเอฟพี - สมาชิกระดับสูงของระบอบการปกครองเขมรแดง ที่ยังมีชีวิตอยู่กล่าววันนี้ (5 ธ.ค.) ว่า เขมรแดงไม่ใช่คนเลว ขณะที่ศาลอาชญกรสงครามที่สหประชาชาติให้การสนับสนุนได้เริ่มต้นพิจารณาหลักฐานไต่สวนคดีที่รอคอยกันมายาวนาน

นายนวน เจีย ผู้นำหมายเลขสอง เป็นจำเลยรายแรกจาก 3 คน ที่ขึ้นตอบคำถามผู้พิพากษาในกระบวนการไต่สวน

การพิจารณาคดีครั้งนี้มีความสำคัญต่อการหาความยุติธรรมในยุคทุ่งสังหารของกัมพูชา ที่เป็นเหตุให้ประชาชนมากถึง 2 ล้านคนต้องเสียชีวิตลง และชาวกัมพูชาหลายร้อยคนได้รวมกันอยู่ภายในห้องพิจารณาคดีของศาลในกรุงพนมเปญเพื่อดู นายนวน เจีย อยู่ในคอกจำเลย

“ผมไม่ต้องการให้คนรุ่นต่อไปเข้าใจประวัติศาสตร์ผิดๆ” จำเลย อายุ 85 ปี กล่าว โดยไม่อ่านแถลงที่เตรียมไว้

“ผมไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเขมรแดงเป็นคนเลว เป็นอาชญากร ไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับสิ่งนี้” นายนวน เจีย กล่าว และว่า เขาต้องการต่อสู้กับอยุติธรรมและกล่าวโทษว่าความทุกข์ทรมานของชาวกัมพูชาเป็นพราะการรุกรานของชาวเวียดนาม

นายนวน เจีย และจำเลยร่วมอีก 2 คน คือ นายเอียง สารี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนายเขียว สัมพัน อดีตประธานแห่งรัฐ ต่างปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทั้งการเป็นอาชญกรสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญกรรมต่อมนุษยชาติ

“เวียดนามเป็นคนฆ่าชาวเขมร” นายนวน เจีย กล่าวกับศาล โดยไม่ชี้แจงระยะเวลาในประวัติศาตร์ตามที่อ้างถึง และยังชี้ว่าองค์ประกอบนี้แทรกซึมเขมรแดง ก่อนที่จะขึ้นมามีอำนาจและว่าควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อการจับกุมและสังหารหมู่

ศาลได้แบ่งการพิจารณาคดีที่ซับซ้อนนี้ออกเป็นคดีย่อยๆ เนื่องจากเกรงว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ต่างสูงอายุแล้วทั้งสิ้นจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ทันฟังคำตัดสิน ในช่วงแรก ศาลจะมุ่งเน้นไปที่การบังคับประชาชนเคลื่อนย้ายและส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาชญกรรมต่อมนุษยชาติ

“ฉันได้อุทิศตนเองรับใช้ชาติ” มือขวาของพอลพต กล่าวต่อศาล และว่า เขาสนใจลัทธิคอมมิวนิสต์ขณะศึกษาอยู่ในไทยช่วงปลายยุค 1940 เมื่อสังเกตเห็นความอยุติธรรมในทุกที่

นายเขียว สัมพัน คาดว่า จะขึ้นให้การเป็นคนที่ 2 ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนหน้านี้เขาได้กล่าวว่า เขาเป็นผู้รักชาติที่ไม่รู้ว่าการสังหารหมู่กำลังเกิดขึ้น ขณะที่ นายเอียง สารี ได้ระบุว่า เขาไม่ประสงค์ที่จะให้การเป็นพยานในระหว่างพิจารณคดี

ส่วนจำเลยคนที่ 4 คือ นางเอียง ธิริธ ผู้นำหญิงยุคเขมรแดงเพียงคนเดียวที่ถูกตั้งข้อหาไม่ได้ปรากฎในกระบวนการพิจารณาคดีครั้งนี้ หลังถูกระบุว่าสุขภาพไม่แข็งแรงพอเข้ารับการพิจารณาคดีเมื่อเดือนก่อน เพราะภาวะสมองเสื่อม

ในการพิจารณาคดีครั้งแรก ศาลได้ตัดสินจำคุกสหายดุช อดีตผู้บัญชาการเรือนจำตูลสเลง เป็นเวลา 30 ปี แต่คดีอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น