ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เวียดนามพบอีกรายเป็นหญิงสาวอายุ 27 ปี ผู้มีใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นหญิงแก่ๆ คนหนึ่ง มีเพียงเสียงของเธอเท่านั้นที่ครอบครัวกับเพื่อนบ้านยังจำได้ ไม่ต่างจากกรณีก่อนหน้านี้ที่เพิ่งตกเป็นข่าวไปทั่วโลก กรณีล่าสุดเป็น น.ส.เหวียนถิมาย (Nguyễn Thị Mai) ชาวเมืองโฮยอาน (Hội An) ในภาคกลางของประเทศ
นางเหวียนถิมุต (Nguyễn Thị Mút) มารดาของเธอ กล่าวว่า เพื่อนบ้านร่วมคอมมูนเดียวกัน ได้เร่งเร้าให้ครอบครัวเปิดตัวลูกสาวให้โลกได้รับรู้ หลังจากมีหลายหน่วยงานกรูเข้าไปช่วยเหลือกรณีเมื่อเร็วๆ นี้ คือ น.ส.เหวียนถิเฟือง (Nguyễn Thị Phương) ใน จ.เบ๊นแจ (Bến Tre) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ นางเลถิเซิ๊ว (Lê Thị Sáu) คุณครูใหญ่โรงเรียนที่ น.ส.มาย ไปเรียนได้บอกกับทางการว่า ใบหน้าของนักเรียนคนนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนเธอต้องขอหยุดไปเรียนในที่สุดหลังจากสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ
ส่วนคุณแม่ของมาย กล่าวว่า อาการของมายเริ่มตั้งแต่เธออายุเพียง 12 ปี เกิดคันบนใบหน้า ต่อมาเป็นเป็นตุ่มพอง ใบหน้าบวม และน้ำหนักเริ่มลด แม้ครอบครัวจะนำไปให้หมอรักษาแต่ก็ไม่มีทีท่าจะดีขึ้น เพื่อนบ้านแนะนำให้ลองใช้ยาพื้นบ้าน ซึ่งดูจะดีเพราะว่าใบหน้าของเธอเริ่มดีขึ้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ปี 2548 มาย แต่งงานกับเจิ่นแทงเฮือง (Trần Thanh Hương) ตอนนี้มีลูกด้วยกัน 2 คน ทุกคนมีสุขภาพดีเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม อาการของเธอเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งในปี 2551 และเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นคนแก่อย่างสมบูรณ์ ยกเว้นเพียงเสียงพูดของเธอเท่านั้นที่ยังเป็นเสียงของ หญิงวัย 26 ปีคนเดิม
สัปดาห์ที่แล้วหนังสือพิมพ์เดอะซัน กับหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่สองฉบับในอังกฤษได้ตีพิมพ์เผยแพร่ทั้งภาพและข่าวเกี่ยวกับเหวียนถิเฟือง สาวเคราะห์ร้ายคนแรก ที่ใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นหญิงแก่วัย 80 และเหี่ยวย่นไปทั้งตัว
เดอะซัน ระบุว่า อาการแบบนี้ทั่วโลกจะมีผู้เป็นสัก 2,000 คนจากประชากรทั้งหมด 7,000 ล้านคน
เดลิเมล์ รายงานอ้างคำพูดของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ ว่า เฟืองอาจจะเกิดอาการที่เรียกว่า “คูชชิง ซินโดรม” (Cushing Syndrome) ซึ่งเกิดขึ้นในบุคคลที่มีฮอร์โมนที่เรียกว่าคอร์ติซอล (cortisol) ในโลหิตสูงเกินไปหรืออาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการรักษาโดยใช้สารคอร์ติโคสเตรอยด์ (corticosteroids) ทำให้ผู้ป่วยน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไขมันไปพอกอยู่รอบๆ ใบหน้า
ขณะเดียวกัน เดอะซัน ยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 รายงานอ้างความเห็นของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งซึ่งระบุว่า เฟืองอาจจะเป็นโรคที่เรียกว่า ลิโปดีสโตรฟี (Lipodystrophy) ซึ่งเป็นอาการที่หาพบได้ยาก อันเกิดจากชั้นไขมันใต้ผิวสลายตัว ทำให้เซลผิวหนังเติบโตในอัตราที่รวดเร็วมาก
ส่วนกรณีแรก สื่อในเวียดนามรายงานว่าคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์ นครโฮจิมินห์ ได้ส่งตัวอย่างเนื้อเยื่อของเฟืองไปตรวจพิสูจน์ในสหรัฐฯ โดยนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคผิวหนังคนหนึ่ง และเชื่อว่าจะทราบผลในสัปดาห์หน้า
เฟืองถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.เตื่อยแจ๋ กล่าว