แถ่งเนียน - สำนักข่าวของเวียดนาม รายงานว่า บริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่น อาจเดินตามรอยบริษัท โซนี่ ที่ปิดโรงงานผลิตของตัวเองในเวียดนาม และหันไปลงทุนในส่วนของการเป็นผู้จำหน่ายมากขึ้น
นายโยชิดะ ซากาเอะ ผู้อำนวยการองค์กรการค้าภายนอกประเทศญี่ปุ่น สำนักงานนครโฮจิมินห์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสอพิมพ์เตื่อยแจ๋ เมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า บริษัทจากญี่ปุ่นหลายบริษัทต่างให้ความสนใจไปที่การตั้งฐานผลิตในเวียดนาม แต่กระแสใหม่ คือ การเปิดร้านจำหน่ายของบริษัท เพื่อขายสินค้าที่ผลิตมาจากฐานผลิตอื่นแทน และว่า เทรนด์ใหม่นี้จะเห็นชัดขึ้นในปี 2558 เมื่อข้อตกลงแลกเปลี่ยนสินค้าอาเซียน (Trade in Goods Agreement) มีผลบังคับใช้
นายซากาเอะ ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กโทรนิคยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่ ได้ปิดโรงงานผลิตโทรทัศน์ของบริษัทในเวียดนามลง และย้ายการผลิตสินค้าของบริษัททั้งหมดไปยังโรงงานหลักในมาเลเซีย และว่า ในตอนนี้ บริษัทโซนี่มีส่วนเพียงแค่ขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเวียดนาม และบริษัทอื่นๆ อาจดำเนินตามและเปลี่ยนจากการผลิตมาเป็นจัดจำหน่ายแทนในอีก 4 ปีข้างหน้าเช่นกัน
นักลงทุนหลายรายยังคงเดินทางมาเวียดนามในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพื่อมองหาโอกาสในการเปิดโรงงานผลิตขนาดใหญ่เพื่อส่งสินค้าไปยังตลาดในภูมิภาค แต่นักลงทุนจะตัดสินใจตามปัจจัยด้านสถานที่ในการตั้งฐานผลิตของตัวเองบนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและขนาดตลาดของแต่ละประเทศ
นายซากาเอะ กล่าวว่า บริษัทรายใหญ่ของญี่ปุ่นต่างให้ความสนใจในโอกาสที่จะเข้าควบรวมกิจการ เช่นข้อตกลงมูลค่า 128 ล้านดอลลลาร์ ระหว่างบริษัท ยูนิชาร์ม (Unicharm) และบริษัท ไดอานา (Diana) ผู้ผลิตชั้นนำผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยและผ้าอนามัยของเวียดนาม
หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ รายงานว่า นักลงทุนจากญี่ปุ่นรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 ที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม ด้วยโครงการลงทุนทั้งหมด 1,572 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียนลงทุนรวมเกือบ 22,000 ล้านดอลลาร์ และในช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 2554 มีโครงการจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นได้รับอนุมัติให้ลงทุน 108 โครงการ รวมมูลค่าราว 642.25 ล้านดอลลาร์