เมียนมาร์ไทม์ส - ในงานแสดงหยก อัญมณี และไข่มุก นัดพิเศษระหว่างวันที่ 1-13 ก.ค.2554 ที่จัดขึ้นในเนปีดอ หอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพพม่า (UMFCCI) ระบุว่า แม้จำนวนผู้ร่วมงานและยอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าการประมูลอัญมณีครั้งที่ 48 ในช่วงกลางเดือนมี.ค. ก็ตาม แต่ทำรายได้ประมาณ 1,100 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,580 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น หากเทียบกับการประมูลในเดือน มี.ค. ที่ทำรายได้สูงสุดถึง 2,800 ล้านดอลลาร์ เป็นอัตราที่ลดลงถึง 46%
"จำนวนผู้เข้าร่วมการประมูล จำนวนสินค้าที่นำออกประมูล และยอดขายรวมทั้งหมดในการประมูลเดือนก.ค. นี้ นับว่าสูงสุดเป็นประวัติกาล แต่ยอดรายรับกลับต่ำกว่าการประมูลครั้งที่ 48 ที่ผ่านมา" หอการค้าฯระบุ
ผู้ค้ารายหนึ่งจากจีนกล่าวว่า เพดานราคาสำหรับประมูลหยกนั้นตั้งไว้สูงเกินไป
"บริษัทหยกท้องถิ่นตั้งเพดานราคาสำหรับหยกลอตนี้ไว้สูงมาก ทำให้ผู้ซื้อต่างชาติไม่สามารถให้ราคาได้มากไปกว่านั้น ผมคิดว่าการประมูลครั้งหน้าราคาควรจะลดลงต่ำกว่านี้" ผู้ค้าจากจีนกล่าว
อย่างไรก็ตาม โฆษกบริษัทอัญมณีพม่า ระบุว่าหยกที่นำมาแสดงทั้งหมดถูกขายออกไปได้ถึง 78%
"เรานำหยกมาจัดแสดงทั้งหมด 22,317 ล็อต และขายออกไปได้ทั้งหมด 17,449 ล็อต ประมาณ 78% ของทั้งหมด แต่การจัดแสดงครั้งก่อนเราขายหยกได้เพียง 13,608 ล็อตเท่านั้น" โฆษกบริษัทอัญมณีพม่า กล่าว
ทางด้านบริษัทเมียนมาร์เพิร์ลเอ็นเตอร์ไพร์ส ระบุว่า ยอดขายอัญมณีและมุกเพิ่มสูงขึ้น
"เราขายอัญมณีได้ 38 ล็อต และมุก 288 ล็อตในการขายพิเศษครั้งนี้ เทียบกับงานประมูลอัญมณีในเดือนมี.ค. ที่ขายอัญมนีได้ 30 ล็อต และมุก 255 ล็อต" เจ้าหน้าที่บริษัท กล่าว
นายโมมี้นวาย (Moe Myint Wai) ผู้จัดการแสดงอัญมณีจากย่างกุ้งกล่าวว่าชิ้นหยกที่ยังไม่ได้เจียรนัยไม่ค่อยได้รับความสนใจในงานครั้งนี้ ส่งผลให้งานอื่นๆ ไม่ได้รับความสนใจเช่นกันและเงินที่จำเป็นต้องใช้ในการเตรียมสินค้าเพื่อขายอีกครั้งก็ลดลง
หนังสือพิมพ์มิเรอร์ ของทางการรายงานว่า บริษัทรูบี้ดราก้อนที่มีสำนักงานในพม่าเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด และสตรีชาวจีนซึ่งเป็นผู้ค้ารายหนึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เป็นอันดับสอง.