เอเอฟพี - เหตุการณ์เริ่มต้นจากหมวกกันน็อกเพียงใบเดียว แต่ 8 วันต่อมา ชายอายุ 53 ปี เสียชีวิตลงหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามทุบตี ในคดีที่นักเคลื่อนไหว ระบุว่า เป็นรูปแบบของการใช้กำลังอย่างโหดร้ายทารุณ
ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ระบุว่า นายจิง ซวน ตุง (Trinh Xuan Tung) ถูกตีเข้าที่คอและใส่กุญแจมือ แม้ว่าเขาจะร้องบอกเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับความเจ็บปวด เนื่องจากอาการอัมพาตก็ตาม
องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอชท์ (HRW) กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนี้ ย้ำให้เห็นการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวียดนาม ที่ความผิดเพียงเล็กน้อยสามารถกลายเป็นผลลัพธ์ที่น่าเศร้าได้
นายฟิล โรบินสัน รองผู้อำนวยการ HRW ภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วไม่เป็นการสมควรที่จะกระทำทารุณกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่
การศึกษาโดย HRW เมื่อกันยายน 2553 ระบุว่า ในช่วงปี 2553 มีเหตุคดีความการกระทำรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 19 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิต 15 คน แต่เหตุที่เกิดขึ้นนี้พบได้จากรายงานของสื่อที่รัฐเป็นผู้ควบคุม ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะได้ข้อมูลเหล่านี้ และว่าเหตุเสียชีวิตหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับประชาชน รายงานว่า เป็นเหตุจับกุมด้วยข้อหาเล็กๆ น้อยๆ
จิง คิม เตี่ยน (Trinh Kim Tien) ลูกสาวนายตุง เล่าสิ่งที่พ่อของเธอบอกกับเธอก่อนเสียชีวิตว่า เขานั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปสถานีรถโดยสารฮานอยในช่วงบ่ายเมื่อต้นปี และถอดหมวกกันน็อคออกเพื่อโทรศัพท์
การขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถและปรับคนขี่ 150,000 ด่ง (ประมาณ 7.14 ดอลลาร์) แต่คนขี่ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าปรับ ทำให้เกิดการโต้เถียงและต่อสู้ ซึ่งพ่อของเธอพยายามเข้าไปห้ามปราม
“เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยเข้าทำร้ายพ่อของฉัน” เตี่ยน กล่าว
นายตุง ที่เลี้ยงชีพด้วยการขายนกและไม่เคยมีเรื่องกับใคร ถูกตีเข้าที่คอและหลัง ก่อนถูกนำตัวไปสถานีตำรวจ ลูกสาวของนายตุง เล่าว่า พบพ่อของเธอถูกใส่กุญแจ ทั้งที่มือและขาและเริ่มบ่นถึงอาการอัมพาต
“พ่อของฉัน บอกว่า รู้สึกเจ็บ และขอให้ช่วยพาเขาไปโรงพยาบาล เพราะเขาไม่สามารถขยับแขนและขาได้” เตี่ยน กล่าว และว่า ตำรวจปฏิเสธในตอนแรก พวกเขาบอกว่าพ่อของเธอแสร้งทำ และว่า ไม่มีใครทำอะไรเขาเลย สุดท้ายพ่อของเธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
