เอเอฟพี - ชาวเวียดนามหลายร้อยคนรวมตัวชุมนุมประท้วงซึ่งเกิดขึ้นได้ยากที่บริเวณหน้าสถานทูตจีนในกรุงฮานอยวานนี้ (5 มิ.ย.) ต่อข้อกล่าวหาว่าเรือจีนบุกรุกเขตแดนของเวียดนามในน่านน้ำพิพาท
กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 300 คน รวมตัวกันอย่างเงียบๆ เป็นเวลาครึ่งชม. ก่อนสลายตัวไปอย่างสงบตามคำขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ 50 นาย ที่เฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุม
การชุมนุมประท้วงเป็นเรื่องไม่ปกติในเวียดนามที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่การชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นหลังความตึงเครียดเพิ่มสูง เกี่ยวกับข้อขัดแย้งยาวนานในทะเลจีนใต้กับจีน เนื่องจากในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เรือตรวจการณ์ของจีนเผชิญหน้ากับเรือสำรวจแหล่งน้ำมันของเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลเวียดนามถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเลของสหประชาชาติ
เวียดนามกล่าวหาว่า จีนขยายขอบเขตข้อพิพาท และเรียกร้องให้จีนจ่ายค่าเสียหายที่อ้างว่าเกิดขึ้นกับเรือเวียดนาม ขณะที่จีนบอกกับเวียดนามให้หยุดกิจกรรมทุกอย่างในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว
ทั้งสองประเทศมีปัญหาขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิการครอบครองเหนือหมู่เกาะพาราเซลล์ และหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ในทะเลจีนใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และคร่อมทับอยู่บนเส้นทางเดินเรือสินค้า
“เรามาที่นี่เพื่อหวังให้รัฐบาลดำเนินมาตรการปกป้องอธิปไตยของประเทศ” พนักงานบริษัทเอกชนอายุ 50 ปี ที่เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ กล่าว
การชุมนุมประท้วงเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงในเวียดนาม และนักเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมประท้วงต่อต้านจีนครั้งก่อนหน้าได้ถูกจับกุมตัว
การประท้วงบนท้องถนนในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2550 ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในประเด็นเกาะพิพาทที่เป็นของเวียดนาม แต่ก็สร้างความอับอายให้กับผู้นำ หลังได้รับคำตำหนิจากจีนที่อนุญาตให้มีการชุมนุมประท้วงดังกล่าว
“เรารับรู้ในความรู้สึกรักชาติ แต่ประเด็นปัญหาอำนาจอธิปไตยของประเทศต้องได้รับการแก้ไขด้วยอนุสัญญาของสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุม
บทบาทของจีนที่เพิ่มมากขึ้นในทะเลจีนใต้ สร้างความตึงเครียดให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค แต่จีนให้คำมั่นในที่ประชุมความมั่นคงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่จัดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ ว่า จะดำเนินการเหนือน่านน้ำเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ นอกจากเวียดนามและจีนแล้ว ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และ ไต้หวัน ต่างอ้างสิทธิเหนือเหนือทั้งหมด หรือบางส่วนของดินแดนพิพาทเช่นกัน และยิ่งสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อสหรัฐเตือนว่าความขัดแย้งนี้อาจนำไปสู่การสู้รบ