xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มกอดศพเมียเปิดกระดูกโชว์ เพื่อนบ้านผวา “ของจริง!”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>นายเลวันหั่นกระดาษห่อ กับปูนปลาสเตอร์ออกเปิดให้ผู้สื่อข่าวดูกระดูกที่ซ่อนอยู่ในหุ่น เขาเคียงข้างศพภรรยาสุดที่รักมา 5 ปี.. แม้นายแพทยบางคนจะลงความเห็นว่านายวันเป็นโรคจิตประเภท “pseudonecrophilia” ก็ตาม.. รักนี้นิรันดร...</FONT></bR>
Accompanying Pictures Courtesy of VietnamNet, VietnamExpress

ASTV ผู้จัดการออนไลน์--- หนุ่มใหญ่ที่นอนเคียงข้างศพภรรยามา 5 ปี ได้เปิดหุ่นภรรยา พิสูจน์ให้เห็นจะจะ เพื่อยืนยันว่าทั้งหมดนั้นเป็นของจริง ในขณะที่แพทย์ลงความเห็นว่าชายวัย 55 มีอาการทางจิต เป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งจะต้องได้รับการเยียวยารักษา

นายเลวัน (Le Van) ชาว อ.ห่าเลิม (Ha Lam) จ.กว๋างนาม (Quang Nam) ได้ยอมเปิดท่อนแขนของหุ่นภรรยาให้ผู้สื่อข่าวดูในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในนั้นทุกคนได้เห็นเป็นท่อนของแข็งสีน้ำตาลอย่างชัดเจน ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเน็ต

หลังจากสื่อต่างๆ ได้ลงเรื่องราวของนายเลวันผู้นอนเคียงข้างศพภรรยามานานกว่า 5 ปี ได้เผยแพร่ออกไป ความคิดเห็นของผู้คนที่รับรู้เรื่องราวนี้แตกต่างกันไป บ้างชื่นชมถึงความรักที่นายวันมีต่อภรรยา บ้างก็แปลกใจและสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทำให้มีหลายคนตัดสินใจเดินทางไปพิสูจน์ถึงที่บ้านของนายวันเพื่อจะได้เห็นกับตา

เมื่อนักข่าวสอบถามความรู้สึกของนายเลวันและลูกชายที่อยู่ร่วมชายคากับร่างของภรรยาและแม่ที่เสียชีวิตไปนานกว่า 5 ปี นายวันบอกว่าเขาไม่รู้สึกกลัวสักนิด เพราะเธอเป็นภรรยาของเขา ทำไมเขาถึงต้องกลัวด้วย

ในขณะที่ลูกชายคนโตของนายวันกลับไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อ และยังแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ห้ามนายวันเก็บร่างภรรยาไว้ในบ้านและให้นายวันจัดการฝังให้เรียบร้อย ถัดมาอีก 4 เดือนนายวันก็หล่อร่างภรรยาขึ้นมาจากยิปซั่มและดินเหนียวและนำกระดูกของภรรยาใส่ไว้ด้านใน เมื่อแห้งแล้วจึงจัดการแต่งตัวและวางไว้บนเตียงของเขา

“ผมใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการสร้างรูปหล่อนี้ขึ้น มันสูงเท่ากับภรรยาผมเมื่อตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ พอทำเสร็จเรียบร้อยผมก็นอนกอดภรรยาของผมทุกคืน” นายวัน กล่าว
<bR><FONT color=#FF0000> นี่คือซาง..ภรรยาผม ผมกอดเธอไว้ในอ้อมอกทุกคืน ตลอดห้าปีที่ผ่านมา.. นายเลวันบอกกับผู้สื่อข่าวของเวียดนามเน็ต </FONT></bR>
<bR><FONT color=#FF0000>พ่อกับผมกอดแม่ทุกคืนเวลานอน แม่ไม่ได้ตายจากไป แต่กลับชาติมาเกิด.. ด.ช.เลก๊วกเฮืองต๋วน (Le Quoc Hoang Tuan) ลูกชายคนสุดท้องวัย 12 ปีกล่าว</FONT></bR>
**เพื่อนบ้านแตกตื่น**

ทันทีที่เพื่อนบ้านรู้ว่านายวันนำร่างของภรรยาที่เสียชีวิตมาไว้ในบ้าน เพื่อนบ้านก็ออกอาการกลัวและไม่เข้าไปย่างกรายใกล้บ้านนายวันอยู่นาน 2 ปี

นักข่าวของสำนักข่าวเวียดนามเน็ตได้พบกับ นายเจิ่นจ่งแซง (Tran Trong Sanh) ประธานคณะกรรมการประชาชนเมืองห่าเลิม เพื่อสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้นนี้ นายแซงกลับแปลกใจและบอกว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2547 หลังจากได้พบว่านายวันขุดโลงศพภรรยาขึ้นมา เจ้าหน้าที่ได้ห้ามปรามไม่ให้ทำเช่นนั้น พร้อมอธิบายถึงเหตุผลที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมซึ่งในตอนนั้นนายวันดูเข้าใจดี

“นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมรู้เกี่ยวกับนายวัน เราไม่รู้ว่าเขากลับไปขุดเอาศพกลับมาไว้ที่บ้าน” นายแซงกล่าว

เพื่อนบ้านบางคนบอกว่า แค่เห็นนายวันพวกเขาก็กลัวกันแล้ว

** ตำรวจหาทางพิสูจน์ **

หลังจากที่เวียดนามเน็ตได้รายงานเรื่องนี้ออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พ.ท.ซเวืองวันเดียน (Duong Van Dien) สารวัตรตำรวจเมืองห่าเลิม ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ไปพบกับนายวันและฟังนายวันอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ตามรายงานของตำรวจ นายวันได้กระทำการที่ผิดกฎหมายจริง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ แต่ก็บอกว่าเขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าความรักที่เขามีต่อภรรยานั้นลึกซึ้งเพียงใด

แม้ว่านายวันจะได้ยืนยันว่าสิ่งที่เห็นเป็นแท่งสีน้ำตาลใต้รูปหล่อที่เขาเปิดออกให้ดูนั้นคือกระดูกของภรรยา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในรูปหล่อนั้นเป็นร่างของภรรยานายวันจริง
<bR><FONT color=#FF0000>เพื่อนบ้านพากันหวาดหวา ยิ่งข่าวแพร่สะพัดออกไป เวียดมุงก็ยิ่งหลั่งไหลไปจากทั่วสารทิศ.. ตามไปดู </FONT></bR>
<bR><FONT color=#FF0000>นี่คือภรรยาผม ผมพร้อมที่จะอยู่ และพร้อมจะตายที่นี่.. เคียงข้างเธอ.. นายเลวันบอกกับผู้สื่อข่าว </FONT></bR>
นายหวอวันเฟื้อก (Vo Van Phuoc) เพื่อนบ้านของนายเลวันบอกว่า มีผู้คนสงสัยพากันไปดูของจริงที่บ้านของวันกันอย่างมากมาย แต่นายเฟื้อกบอกว่าเขากับชาวบ้านคนอื่นๆ ต้องการให้เจ้าหน้าที่รีบแก้ปริศนาเพื่อควบคุมสถานการณ์ในหมู่บ้านให้กลับมาสงบเรียบร้อยเหมือนเดิม

ตำรวจท้องที่และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกหลายคนกล่าวว่า การกระทำของวันผิดแผกไปจากจารีตและวิถีปฏิบัติของชาวเวียดนามรวมถึงผิดกฎหมาย แต่นายวันบอกว่า “เขาจะมีชีวิตและตายข้างภรรยา” ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รัฐลังเลที่จะใช้กำลังเนื่องจากกลัวว่านายวันจะมีปฏิกริยาโต้ตอบที่รุนแรงยิ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังบอกอีกว่า เป็นเรื่องยากที่จะแก้ปริศนานี้ คือการตรวจสอบพิสูจน์ หากกระดูกภรรยาของนายวันยังคงอยู่ใต้ปูนปลาสเตอร์เช่นนี้ ก็นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวียดนามและหายากในโลกด้วย

แพทย์ในกรุงฮานอยระบุว่านายวันมีอาการทางจิตประเภทหนึ่ง เป็นอาการที่แพทย์เรียกว่า pseudonecrophilia หรือ พวกที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับศพซึ่งต้องได้รับการรักษาให้หายขาด แต่หลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับนิยามนี้ เวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น