xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ยิ่งใหญ่ “ฮุนเซน” ปิดปากสนิทหลังเวียดนามก่นเรื่องเขตแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#3366FF>ภาพรอยเตอร์วันที่ 1 ก.ค.2552 สมเด็จฯ ฮุนเซนปราศรัยใน จ.กัมโป้ต (Kampot) ทางภาคใต้ของประเทศ ปรกติผู้นำจะปราศรัยอย่างเผ็ดร้อน ออกรส และ กับประเทศไทยไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรมักจะออกตอบโต้อย่างทันควัน ต่อเวียดนามเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาต้องพิทักษ์ปกป้องหลักเขตแดนที่ปักเอาไว้ ผู้นำกัมพูชาเก็บเรื่องนี้เงียบกริบไม่ปริปาก สื่อในกัมพูชาก็ไม่รายงานข่าวนี้  </FONT></b>

ASTVผู้จัดการรายวัน -- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลายวัน หลังจากฝ่ายเวียดนามแสดงความไม่พอใจที่ไม่ป้องกันรักษาหลักเขตแดน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างปักปัน ปล่อยให้ผู้นำฝ่ายค้านไปถอนทิ้ง นับเป็นเรื่องผิดวิสัยสำหรับผู้นำกัมพูชาที่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หรือตอบโต้ประเทศไทยอย่างรุนแรงเสมอมา เมื่อเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับพรมแดนระหว่างสองประเทศ

ไม่เพียงแต่ผู้นำเท่านั้นที่ปิดปากเงียบสนิทมาข้ามสัปดาห์ ไม่มีโฆษกกัมพูชาคนใดเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ และไม่มีรายงานใดๆ เกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายเวียดนามผ่านสื่อในกรุงพนมเปญ

วันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม นางเหวียนเฟืองงา (Nguyen Phuong Nga) ได้กล่าวประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำของ นายสม รังสี ที่ถอนหลักเขตแดนจำนวน 6 หลัก ออกจากทุ่งนาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.สายเรียง (Svay Rieng) และยังกล่าวอีกว่า ผู้นำฝ่ายค้านในกัมพูชาใส่ร้ายป้ายสีเวียดนาม “อย่างบังอาจ” ด้วยข้อมูลผิดๆ

โฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 25 ต.ค.2552 นายรังสี ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ชายแดนสวายเรียง ตรงข้ามกับ จ.ลองอาน (Long An) ของเวียดนาม ได้ถอนหลักเขตแดนจำนวน 6 หลัก ออกจากบริเวณตำแหน่งที่ 185 และนำเอาหลักเขตแดนทั้งหมดกลับไปยังกรุงพนมเปญ ซ้ำยังกล่าวหาอีกว่า เวียดนาม “กำลังฮุบดินแดนของกัมพูชาผ่านการปักปันเขตแดน”

“เวียดนามและกัมพูชากำลังทำการปักปันเขตแดนและปักหลักเขตแดน การปกป้องเส้นแดนกับหลักเขตแดน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสองรัฐบาล และประชาชนทั้งสองประเทศ ตามความตกลงทวิภาคีและตามกฎหมายระหว่างประเทศ” สำนักข่าววีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) ของรัฐบาล อ้างคำกล่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา “ต้องมีมาตรการที่จำเป็นต่างๆ ต่อการกระทำที่บ่อนทำลายดังกล่าว และสร้างเงื่อนไขสะดวกให้แก่การแบ่งเขตแดนและการปักปันหลักเขตแดนระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาตามกำหนด เพื่อผลประโยชน์ของสองชาติ” วีเอ็นเอ กล่าว
<br><FONT color=#3366FF>สมเด็จฯ ฮุนเซน มีบุคคลิกพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ที่ไปเยือนสัปดาห์ปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมายังกล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นใครที่พูดอะไรออกมาตรงๆ อย่างนี้ และ ตนเองโชคดีมากที่มีเพื่อนชื่อ ฮุนเซน แต่ผู้นำกัมพูชาไม่พูดอะไรเลยในปัญหาชายแดนกับเวียดนาม </FONT></b>
นางเฟืองงา กล่าวถึงเรื่องนี้ หลังจากสื่อในเวียดนามสอบถามท่าทีของเวียดนาม ที่มีต่อการกระทำและการให้สัมภาษณ์ของนายสม รังสี

โฆษกของเวียดนาม กล่าวกด้วยว่า การกระทำของผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา เป็นการยั่วยุ เป็นการละเมิดกฎหมายของเวียดนาม และกัมพูชา รวมทั้งสนธิสัญญาและความตกลงต่างๆ ที่บรรลุได้ระหว่างสองประเทศ และขัดขวางขบวนการปักปันเขตแดน

นอกจากนั้น การกล่าวหา “อย่างบังอาจ” ของนายรังสี ได้แสดงถึงความไม่รู้และการขาดความรับผิดชอบ และมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความเกลียดชัง บั่นทอนความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา โฆษกเวียดนาม กล่าว

ไม่มีสื่อใดในกรุงพนมเปญรายงานเรื่องนี้ รวมทั้งรายงานการให้สัมภาษณ์ของ นายสม รังสี ก่อนหน้านี้ ขณะที่บรรดาโฆษกและผู้นำในรัฐบาลของสมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่มีผู้ใดปริปากให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

ตามรายงานของสถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio of Free Asia) ภาคภาษาเขมร ในวันดังกล่าวผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชานำคณะไปทอดกฐินที่วัดองค์รุมแด็ญ (Ang Romdenh) ในนิคมสัมโรง อ.จันเตรีย (Chantrea) จ.สวายเรียง

ตามรายงานของ RFA นายรังสี ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในท้องถิ่น จึงได้นำหน้าไปดูเหจตุการณ์จริง จนพบว่า มีการปักหลักเขตแดนในนาข้าวที่ราษฎรอาศัยทำกินมาหลายชั่วอายุคน

ชาวบ้านกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เวียดนาม เป็นผู้นำหลักปักปันเขตแดน เข้าไปปักในนาข้าว โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาชนกัมพูชา ไม่กล้าแตะต้อง และโยนให้เป็นภาระของคณะกรรมการวิชาการในการปักปันเขตแดน

“ผมได้นำพวกเขา (ชาวบ้าน) ถอนหลักเขตแดนพวกนี้แล้วขว้างทิ้ง นี่เป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติของพรรคสมรังสี.. เราไม่ยอมรับหลักเขตแดนที่พวกต่างชาติล่วงล้ำเข้ามาปักเอาไว้อย่างไม่เหมาะสมในนาข้าวที่เป็นของชาวกัมพูชา นี่คือ แผ่นดินของชาวนากัมพูชา นี่คือ แผ่นดินเขมร..” วิทยุเอเชียเสรีอ้างคำประกาศของผู้นำฝ่ายค้าน
<br><FONT color=#3366FF>นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้าน ไปทอดกฐินที่วัดชายแดน จ.สวายเรียง (Svay Rieng) เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2552 ได้ไปเห็นหลักปักเขตแดนเวียดนาม-กัมพูชา ปักอยู่ในเขตที่นาของราษฎรเขมร ที่ทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน สื่อในประเทศนี้ไม่เคยรายงาน ทางการกัมพูชาก็ไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าหากเป็นประเทศไทยคงเป็นอีกอย่าง สัปดาห์ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จฯ ฮุนเซน สั่งยิงคนไทยทุกคนที่ล่วงล้ำเข้าไปใน พื้นที่พิพาท บริเวณปราสาทพระวิหาร  </FONT></b>
“ผมขอเรียกร้องไปยังชาวกัมพูชา ที่มีเลือดเขมร และมีจิตสำนึกที่จะป้องกันและปกปักรักษาแผ่นดินของเรา แผ่นดินที่มีขนาดเล็กลงทุกวันๆ” นายรังสี กล่าว

นายพรม เจีย (Prom Chea) ชาวนาวัย 43 ปี ชาวบ้านเกาะกะบานเหนือ นิคมสัมโรง กล่าวกับ RFA ว่า ตัวเขาเองได้เสียที่นาไป 2 เฮกตาร์ (12.5 ไร่) และราษฎรคนอื่นๆ ในเขตนิคมเดียวกันเสียที่นาไปจำนวนมากจากการปักปันเขตแดนตามใจชอบของเจ้าหน้าที่เวียดนาม

“พวกตำรวจกับพวกทหารมีแต่คนพูดอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ไม่มีใครเคยมาดูของจริง พวกเขา (เวียดนาม) หลอกพวกเราในการทำรังวัด พวกนี้โกงเรา เมื่อเจ้าหน้าที่ของฝ่ายเราไป และวางแนวปักหลักเขตแดนเข้ามาทางนี้ 100 เมตร พวกเวียดนามก็จะเลื่อนเข้ามา 200 เมตร...”

“..ในระยะยาวพวกเขาจะต้องไล่พวกเราออกจากที่นาของเรา.. พวกเขาทำทุกอย่างตามใจชอบ...” นายเจีย กล่าวกับวิทยุเอเชียเสรี ซึ่งดำเนินการกระจายเสียงออกอากาศด้วยเงินทุนของมูลนิธิเอเชียในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

นายเจียงอัม (Cheang Am) ผู้ว่าราชการจังหวัดสวายเรียง กล่าวกับสถานีวิทยุแห่งนี้ ว่า ได้รับรายงานจากท้องถิ่นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้านนำราษฎรถอนหลักเขตแดนออกไป ซึ่งเรื่องการปักปันเขตแดนนี้เป็นประเด็นทางวิชาการ และตนเองแปลกใจที่นายรังสีทำเช่นนั้น

“แม้แต่ผมเองยังไม่กล้าแตะ คณะกรรมการทางเทคนิคจากสองประเทศ กัมพูชากับเวียดนาม ดำเนินการเรื่องนี้ พวกเขาร่วมกันทำแผนที่ มีเครื่องอุปกรณ์เครื่องมือในการวัด ไม่ได้ทำตามใจชอบ..” วิทยุเอเชียเสรีอ้างคำกล่าวของ ผวจ.สวายเรียง
กำลังโหลดความคิดเห็น