xs
xsm
sm
md
lg

โม้อีกแหละ..เขมรฟุ้งเมื่อวันเสาร์รถถังไทยหวิดแหลก!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#cc00>ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 15 ต.ค.2551 หลังการปะทะที่ชายแดนด้านภูมะเขือ ปืนใหญ่ของไทยผงาดอยู่ ณ จุดที่ตั้งแห่งหนึ่งห่างจากชายแดนนับร้อยกิโลเมตร ยังไม่เคยได้ส่งเสียงคำรามแสดงแสนยานุภาพแม้สักครั้งเดียวและยังไม่มีความจำเป็นใดๆ แต่ฝ่ายกัมพูชาโหมการกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่าพักหลังนี้ไทยเสริมกำลังพลและอาวุธหนักเข้าประชิดชายแดนอย่างแน่นหนา </FONT></br>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ชายแดนไทยกัมพูชา ด้านเนิน 600 ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ในวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ซึ่งเกิดการเผชิญหน้ากันอย่างเขม็งเกลียวที่บริเวณช่องจักจะแรง (Chak Chreng) ฝ่ายกัมพูชา หวิดใช้อาวุธถล่มรถถังกับรถลำเลียงพลหุ้มเกราะของฝ่ายไทย โชคดีที่ไทยยอมถอนออกจากพื้นที่ในที่สุด

หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) ฉบับภาษาเขมร รายงานเรื่องนี้ในฉบับวันอังคาร โดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหารผู้รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนติดกับไทยด้านช่องสะงำ-จักจะแรง

วันดังกล่าวฝ่ายไทยได้เคลื่อนรถถังหลายคันกับรถลำเลียงพลหุ้มเกราะติดอาวุธหนักอีกหลายคัน เข้าไปในพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นดินแดนของตน ที่บริเวณใกล้เนิน 600 ซึ่งทหารไทยราว 30 คนยึดครองมาเป็นเวลาแรมเดือน

ทหารกัมพูชาในพื้นที่ได้เตือนอย่างแข็งกร้าวให้ไทยต้องถอนยานยนต์และกำลังพลออกไป ดืมอัมปึลกล่าว

พ.ต.พาเจือน (Pha Choeun) ผู้บังคับการกองพันในท้องถิ่น กล่าวว่า สองฝ่ายหวิดจะได้ปะทะกันครั้งใหม่ หลังจากฝ่ายไทยได้สร้างเสริมกำลังเข้าพื้นที่ชายแดนจำนวนมากผิดสังเกต และ หลังจากทหารไทยเข้ายึดเนิน 600 มาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทหาร ว่า ในกรณีล่าสุดกำลังพลของไทยไม่ต่ำกว่า 100 นาย ในรถบรรทุกทหารจำนวน 4 คัน ได้พยายามรุกเข้าพื้นที่ของกัมพูชา โดยมีรถถังกับรถลำเลียงพลหุ้มเกราะติดอาวุธหนักนำหน้า แต่กองกำลังของกัมพูชาได้เข้าขัดขวางและเตือนฝ่ายไทยอย่างแข็งกร้าว

“ขบวนของทหารไทยจึงหยุดลงและเริ่มมีการติดต่อกับหน่วยเหนือของพวกเขา แล้วจึงมีการติดต่อกับฝ่ายกัมพูชา..” ดืมอัมปึล ระบุในตอนหนึ่ง

หลังการเจรจาซึ่งมีขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ทหารไทยจึงได้ถอนออกไปจากพื้นที่ โดยอธิบายว่าขบวนรถถังกับรถลำเลียงพลติดอาวุธดังกล่าว กำลังนำนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาของฝ่ายคนไทยคนหนึ่ง ออกตรวจพื้นที่

แต่แหล่งข่าวทหารฝ่ายกัมพูชา ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ในพฤติกรรมของฝ่ายไทยครั้งนี้ ที่มีการเคลื่อนทั้งกำลังพล อาวุธและยุทโธปกรณ์หนักเข้าประชิดชายแดนกัมพูชา
<br><FONT color=#cc00> เดือน มี.ค.ปีนี้ทหารกัมพูชาจาก ดินแดนเขมรต่ำ สู้อุตส่าห์ปีนขึ้นไปบนเนิน 776 ที่อยู่ไกลจากช่องสะงำไปทางทิศตะวันตก แล้วรื้อถอนสิ่งที่พวกเขากล่าวว่าเป็น หลักเขตแดนปลอม ทหารไทยจัดทำเอาไว้เมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว ที่นั่นคือจุดสูงบนสันปันน้ำ ซึ่งเป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างรัฐตามกฎหมายระหว่างประเทศ ชายแดนไทย-กัมพูชายังมีปัญหาในทุกจุด รวมทั้งกรณีล่าสุดที่เนิน 600 ด้วย (ภาพ: Koh Santepheap) </FONT></br>
แหล่งข่าวเดียวกันกล่าวอีกว่า ช่องจักจะแรงก็เหมือนกับ บริเวณ “ลานอินทรี” ทางด้านพนมโตร๊ป (ภูมะเขือ) ในฐานะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญตามแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนิน 600 นั้นเป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขาดงรักทางด้านนั้น ถ้าหากฝ่ายไทยยึดครองจักจะแรงได้ก็จะใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีกัมพูชาต่อไป

“ถ้าหากทหารไทยยึดบริเวณภูมะเขือกับลานอินทรีได้ ก็จะควบคุมพื้นที่แถบนั้นได้ทั้งหมด แล้วก็จะควบคุมทางไปยังปราสาทพระวิหาร (ที่กัมพูชาสร้างขึ้น) ได้ จากนั้นก็จะนำไปสู่การครอบครองปราสาทพระวิหาร” แหล่งข่าวเดียวกันกล่าวกับดืมอัลปึล

ภูมะเขือเคยเป็นจุดปะทะเดือดระว่างไทยกับกัมพูชามา 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นวันที่ 15 ต.ค.2551 ทหารกัมพูชาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 2 คน ส่วนคนที่สามสิ้นลมในเวลาต่อมา มีทหารไทยเสียชีวิต 1 คนในโรงพยาบาล

การปะทะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นวันที่ 3 เม.ย.2552 ทหารไทยเสียชีวิตทันที 2 คน ฝ่ายกัมพูชาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
กำลังโหลดความคิดเห็น