ASTVผู้จัดการรายวัน - นางแบบสาวทรงโตใบหน้าเรียวพร้อมลุคแบบเอเชียๆ ปรากฏโดดเด่นบนปกนิตยสารแนวแฟชั่นหลายฉบับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551
วันนี้ชื่อเสียงของเธอขจรไกลตั้งแต่สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง จนถึงสหรัฐฯ พร้อมกับเสียงเล่าขานโจษจันที่บ้านเกิด
วันนี้ เหวียนหง็อกกวี่งที (Nguyen Ngoc Quynh Thy) ได้กลายเป็นนางแบบชาวเวียดนามที่ร่ำรวยที่สุดอีกคนหนึ่ง
แต่เธอบอกกับสำนักชาวออนไลน์ในประเทศเมื่อต้นเดือนนี้ว่า กว่าจะถึงวันนี้มันช่างเหนื่อยแสนเหนื่อย และกว่าจะขึ้นมาถึงจุดนี้ก็เปลืองตัวสุดๆ
“แต่มันเป็นประสบการณ์ค่ะ เป็นงาน เหมือนกับนักแสดงที่เราต้องพร้อมจะรับได้ทุกบทที่ไม่ได้ล่วงละเมิดศีลธรรม” กวี่งทีบอกกับสำนักข่าวเซินจี๊ (Dan Tri) สำนักข่าวออนไลน์ยอดนิยมในหมู่นักศึกษาและหนุ่มสาววัยทำงาน ในเวียดนาม
เป็นนางแบบลุ่มๆ ดอนๆ ตั้งแต่เรียนปี 2 ผ่านเวทีประกวดความสวยความงามในประเทศมาพอสมควร กวี่งทีได้รับรางวัล “สาวงามพราวเสน่ห์” ในการประกวด Miss Photo Vietnam 2547 ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่จัดขึ้นหลังการประกวด Miss Vietnam ในปีเดียวกัน
จากนั้นชีวิตก็วนเวียนอยู่กับแคตวอล์กและเป็นนางแบบแฟชั่นสำหรับนิตยสารในประเทศตลอดมา
ปี 2549 กวี่งทียังคงเป็นยอดนางแบบในอันดับต้นๆ ของประเทศ และเริ่มเข้าตาแมวมองจากค่ายนิวยอร์ก ในที่สุดสาวสวยก็ได้บินลัดฟ้าไปแสวงหาการมีชื่อเสียง ตามรอยนางแบบรุ่นพี่อย่าง บ๋าวหว่า (Bao Hoa) กับใครต่อใครที่โกอินเตอร์ไปก่อน
ช่วงปี 2550-2551 กวี่งทีเริ่มปรากฏบนปกนิตยสารระหว่างประเทศ รวมทั้ง FHM และ MAXIM ชื่อเสียงของนางแบบสาวจากเวียดนามก็เริ่มสะพัดออกไปปากต่อปาก
ความสวยพราวเสน่ห์ทำให้เธอไม่สามารถสวมชุดแฟชั่นหรูแต่รุงรังได้อีกต่อไป โปรดิวเซอร์เริ่มตาถึงและพบว่า สาวชาวเวียดนามฮอตกว่าที่คิด ความเซ็กซี่ของเธอเก็บซ่อนเอาไว้ไม่มิดอีกต่อไป ภาพของเธอก็เริ่มนุ่งห่มน้อยลงเรื่อยๆ
เพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้สาวเจ้าบอกกับสำนักข่าวออนไลน์ว่า ในที่สุดก็เริ่มจะเปลืองตัว
แต่สาวกวี่งทีกล่าวว่า เธอยังเป็นชาวพุทธ และยังคงเคร่งครัดในขนบธรรมเนียม โปรดิวเซอร์ทุกคนทราบดีเกี่ยวกับข้อจำกัดนี้
อย่างไรก็ตาม ภาพชุด “สาวชอปเปอร์” จากนิตยสารฉบับหนึ่งในสหรัฐฯ กับอีกชุดหนึ่งจาก นิตยสารอินเตอร์ฯ เวอร์ชันสิงคโปร์ ได้ยืนยันว่าหลานสาวของลุงโฮคนนี้เซ็กซี่เกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมสายทางในบ้านเกิด