xs
xsm
sm
md
lg

30 ปีโค่นเขมรแดง-30 ปีการรุกรานของเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#FF0000> สามผู้นำตลอดกาล ร่วมกันครองอำนาจมานาน 30 ปี นับตั้งแต่เวียดนามแต่งตั้งขึ้นบริหารประเทศหลังการโค่นล้มระบอบเขมรแดง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ปลื้ม (ภาพ: VietnamExpress) </FONT></CENTER>

ASTVผู้จัดการรายวัน -- พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) ของรัฐบาลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้จัดเฉลิมฉลองใหญ่ครบรอบ 30 ปี การโค่นล้มระบอบเขมรแดงในวันพุธ (7 ม.ค.) ขณะที่ฝ่ายค้าน กล่าวว่า ความจริงแล้วเป็นการฉลองครบรอบปีแห่งการรุกรานของกองทัพเวียดนาม กับการสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์สายโซเวียต-เวียดนาม ขึ้นมาพรรคหนึ่ง พร้อมกับนำกลุ่มปกครองในปัจจุบันขึ้นสู่อำนาจ

ผู้สนับสนุนของพรรค CPP นักศึกษาและประชาชนทั่วไปราว 40,000 คน ได้เข้าร่วมการฉลองที่จัดขึ้น ณ สนามกีฬาโอลิมปิก กรุงพนมเปญ ซึ่งเมื่อสามทศวรรษก่อนกองทัพเวียดนามได้ยกข้ามพรมแดน จนเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ในวันที่ 7 ม.ค.2522 และนำไปสู่สงครามกลางเมืองเป็นเวลาอีกกว่า 10 ปีถัดมา

ตามตัวเลขของฝ่ายเวียดนาม สงครามในกัมพูชาได้ทำให้ทหารของฝ่ายนั้นเสียชีวิตกว่า 50,000 คน ในนั้นกว่า 20,000 คนเสียชีวิตจากการสู้รบ ที่เหลือล้มตายจากเจ็บป่วยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของโรคมาลาเรีย

ยังทหารฝ่ายรัฐบาล กับกองกำลังเขมรแดงกับกลุ่มฝ่ายค้านอีกสองกลุ่ม เสียชีวิตอีกจำนวนมากในสงครามกองโจรที่ไม่มีฝ่ายใดแพ้ชนะ จนกระทั่งนำไปสู่การเจรจามีการทำสัญญาสันติภาพกรุงปารีสในเดือน ต.ค.2534 ซึ่งเปิดทางให้องค์การสหประชาชาติจัดตั้งองค์การปกครองชั่วคราว นำไปสู่การเลือกตั้งปี 2536

ประเทศนี้ได้เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์ “สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา” ไปเป็น “ราชอาณาจักรกัมพูชา” หลังจากมีการสถาปนาสถาบันกษัตริย์ขึ้นเป็นสถาบันประมุขของประเทศ

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเลือกตั้งรวม 4 ครั้งประเทศนี้ก็ยังตกอยู่ภายใต้กลุ่มปกครองชุดเดิมที่เวียดนามนำขึ้นสู่อำนาจเมื่อ 30 ปีก่อน โดย นายฮุนเซน เมื่อก่อนนี้ได้ก้าวขึ้นไปจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตลอด 23 ปีที่ผ่านมา ขณะที่พรรคฝ่ายค้านกับ
<CENTER><FONT color=#FF0000> จากอดีตผู้บัญชาการกองพลและกองพัน บัดนี้ได้เป็น สมเด็จฯ กันไปหมดแล้ว สมเด็จฯ เฮงสัมริน สมเด็จฯ เจียซิม และ สมเด็จฯ ฮุนเซน เสียงปรบมือกึกก้องขณะที่สามสมเด็จฯ เคลื่อนไปรอบๆ สนามโอลิมปิกในเบนซ์เปิดประทุนคันงาม
บรรดานักวิชาการ ยังมองว่าผู้นำกลุ่มนี้เป็นเพียง “ลูกกะโล่” ของเวียดนามเท่านั้น

แต่เมื่อวันพุธนี้เสียงปรบมือดังกึกก้องสนามโอลิมปิก ขณะที่สมเด็จฯ ฮุนซน สมเด็จฯ เจียซิม กับสมเด็จฯ เฮงสัมริน ในรถเบนซ์เปิดประทุนเคลื่อนไปรอบๆ สนาม นาฏศิลปินนับร้อยๆ คนออกแสดงการฟ้อนรำ มีวงดุริยางค์เล่นเพลงส่งเสียงดังก้อง พร้อมขบวนบุปผาชาติ ขบวนพาเหรดและขบวนแห่อื่นๆ

“ชัยชนะวันที่ 7 มกราคม ได้ทำให้ดินแดนปิตุภูมิและประชาชนกัมพูชาปลอดภัยอย่างทันเวลา” นายเจียซิม ซึ่งในปัจจุบัน คือ สมเด็จอัครมหาธรรมะโพธิศาล (Samdech Akka Moha Thommak Pothisal) ซึ่งเป็นประธานพรรค CPP และ ประธานวุฒิสภา กล่าวกับฝูงชนผ่านเครื่องขยายเสียง

สมเด็จฯ เจียซิม ได้ขอบคุณเวียดนามประเทศเพื่อนบ้านที่ช่วยให้กัมพูชาผ่านพ้น “ช่างอันมืดดำทางประวัติศาสตร์” และทำให้ประเทศนี้ “อยู่รอดปลอดภัยจากระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อันหมายถึงระบอบเขมรแดงที่ประชาคมระหว่างประเทศ กล่าวว่า ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตล้มตายของผู้คนประมาณ 2 ล้านในช่วงปี 2518-2521

เขมรแดง หรือ พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา (Communist Party of Kampuchea) ได้นำการต่อสู้ขับไล่เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสออกจากประเทศ และต่อมาได้ต่อสู้กับรัฐบาลที่สหรัฐฯ ให้การหนุนหลังจนยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จในวันที่ 30 เม.ย.2518 และ สถาปนา “กัมพูชาประชาธิปไตย” (Democratic Kampuchea) ขึ้นมา

พรรคคอมมิวนิสต์เขมรแดง ได้ยึดถือแนวทางลัทธิเหมาเจ๋อตง (Maoism) แบบพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ที่ขัดแย้งกับลัทธิมาร์กซ์-เลนินของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต-เวียดนาม
<CENTER><FONT color=#FF0000> ผู้สนับสนุนพรรคประชาชนกัมพูชาหรือ พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา เมื่อก่อน รวมทั้งข้าราชการ นักศึกษาราว 40,000 คนเข้าร่วมการฉลอง 30 ปีเหตุการณ์ที่ผู้คนอีกจำนวนมากไม่ได้ยินดียินร้ายมากนัก </FONT></CENTER>
คอมมิวนิสต์เขมรแดงยังหันไปใช้นโยบายสุดขั้วฟื้นฟูสังคมแบบชุมชนบุพกาลขึ้นมา ทำลายระบบการเงินการธนาคารเลิกใช้เงินในการแลกเปลี่ยนสินค้า พัฒนาประเทศให้เป็นสังคมการเกษตรโดยเชื่อว่า เป็นหนทางถูกต้องในการสร้างชาติขึ้นมาใหม่ เพื่อให้พลเมืองทุกคนเท่าเทียมกันตามอุดมการณ์คอมมิวนิสต์

นักวิชาการที่ศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์กัมพูชาในระยะหลังๆ ได้สรุปว่ารัฐบาลเขมรแดงที่นำโดยโปลโป้ท (Pol Pot) เอียงสารี (Ieng Sary) กับเคียวสมพร (Khieu Samphan) ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของชาวเขมรจากการบังคับให้อพยพออกจากเมืองไปใช้แรงงานในชนบท การทำงานหนัก และอดอยาก จากโรคระบาด การจับกุมคุมขัง กับ “การทรมานอย่างเป็นระบบ”

ความขัดแย้งภายในพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ทำให้นายทหารระดับผู้บัญชาการกองพลและผู้บังคับการกรมกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่ประจำในภาคตะวันออกของประเทศ ไม่พอใจกลุ่มที่มีอำนาจในยุคนั้น หลบหนีเข้าเวียดนาม ร่วมกันก่อตั้ง “แนวร่วมกู้ชาติกัมพูชา” (National Salvation of Kampuchea) ขึ้นมา และขอความช่วยเหลือจากเวียดนามช่วยขับไล่เขมรแดงฝ่ายตรงข้าม

นายเฮงสัมริน ซึ่งในปัจจุบัน คือ สมเด็จอัครมหาปัญญาจักรีเฮงสัมริน (Samdech Akkak Moha Ponhea Chakrei Heng Samrin) ประธานรัฐสภา ได้ถูกยกขึ้นเป็นผู้นำในตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐบาลใหม่หลังการยึดอำนาจในวันที่ 7 ม.ค.2522 โดยมีนายกรัฐมนตรีคนแรกชื่อ เพ็ญ สุวรรณ (Penn Sovann) หรือ “เพ็ญ โสวัน”

ความจริงที่ปรากฏในภายหลัง ก็คือ เพ็ญ สุวรรณ แข็งข้อต่อเวียดนามในกัมพูชา ถูกจับกุมและถูกนำตัวไปจำคุกในเวียดนาม จนกระทั่งมีการเซ็นสัญญาสันติภาพกรุงปารีส จึงได้รับการปล่อยตัว ปัจจุบันอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำการเมืองฝ่ายค้านคนหนึ่งในกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม การเฉลิมฉลองเมื่อวันพุธจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีการจัดกลุ่มชนในชุดขาวถือป้ายยกย่องสรรเสริญการยึดอำนาจและสาปแช่งโทษกรรมของฝ่ายเขมรแดง พิธีการยุติลงหลังการปล่อยนกพิราบสีขาวนับพันๆ ตัว และปล่อยลูกโป่งหลากสีสันอีกนับพันๆ ลูก เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและชัยชนะ ทั้งนี้ เป็นรายงานของสื่อในกัมพูชา
<CENTER><FONT color=#FF0000> ปากก็ประกาศปาวๆ ว่าเป็นงานฉลองที่จัดโดยพรรคฯ ไม่ใช่รัฐบาล แต่ก็มีการกะเกณฑ์ตำรวจทหารและข้าราชการตบเท้าเข้าขบวนพาเหรดจำนวนมาก  </FONT></CENTER>
ระหว่างการปราศรัยเมื่อวันพุธนี้ สมเด็จฯ เจียซิม มิได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารเวียดนามนับแสนๆ คนประจำอยู่ในกัมพูชาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี แต่เน้นหนักไปที่นโยบายของพรรค CPP ในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนพื้นจากความยากจน

ผู้นำพรรครัฐบาลไม่ได้กล่าวถึงขบวนการพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอดีตผู้นำเขมรแดงที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ซึ่งประกอบด้วย นายเคียวสมพร นายเอียงสารี นายนวนเจีย (Nuon Chea) ผู้นำด้านทฤษฎีของอดีตพรรคคอมมิวนิสต์ กับ นายกางแขกเอียว (Kang Khek Eav) หรือ “สหายดุจ” (Duch) อดีตผู้บัญชากรเรือนจำตวลสะแลง (Tuol Sleng) ในกรุงพนมเปญ ซึ่งถูกใช้เป็นที่คุมขัง ทรมานและสังหารนักโทษการเมืองกับฝ่ายตรงข้ามนับพันคน

โปลโป้ท (หรือ “พลพต”) ผู้นำหมายเลขหนึ่งเสียชีวิตในปี 2541 หลังจากถูกผู้บัญชาการกองกำลังทัพเขมรแดง คือ ตาม๊อก (Ta Mok) ยึดอำนาจและถูกไต่สวนกรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อมาตาม๊อคได้เสียชีวิตไปอีกคนหนึ่งในปี 2549 หลังจากล้มป่วยมาเป็นเวลานาน

สมเด็จฯ ฮุนเซน และกลุ่มปกครองในปัจจุบัน ซึ่งล้วนแต่เป็นระดับนำของเขมรแดงในอดีต ได้ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ถูกคณะตุลาการระหว่างประเทศนำเข้าไปพัวพันกับกรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ได้มีการวางตัวบุคคลสำคัญเข้าร่วมในคณะตุลาการฯ ที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ รวมทั้ง นางเจียเลียง (Chea Leang) น้องสาวแท้ๆ ของนายโสกอาน (Sok An) รองนายกรัฐมนตรีที่สมเด็จฯ ฮุนเซนไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกับฝ่ายค้านในประเทศ กล่าวว่า โดยลึกๆ แล้วรัฐบาลมีความประสงค์ที่จะให้การทำงานของคณะตุลาการระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้น โดยองค์การสหประชาชาติประสบล้มเหลว เพื่อมิให้มีการพาดพิงถึงบรรดาแกนนำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในปัจจุบัน ที่ล้วนมีส่วนพัวพันกับการก่อโทษกรรมในระบอบเขมรแดงในอดีต
<CENTER><FONT color=#FF0000> ริ้วขบวนนี้ถือธงสีฟ้ากับรูปของสามผู้นำ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งมองว่านี่คือพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึเนโดยทหารต่างชาติ ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจ แต่ก็อยู่มานจนครบ 30 ปีแล้ว  </FONT></CENTER>
นักวิชาการและชาวกัมพูชาทั่วไปจำนวนไม่น้อย ก็มองว่า การเฉลิงฉลองวันที่ 7 ม.ค.แท้จริงแล้วเป็นการฉลองการยึดอำนาจจากระบอบการปกครองที่กดขี่ระบอบหนึ่ง เพื่อจะนำประเทศเข้าสู่การปกครองครอบงำของต่างชาติอีกชาติหนึ่งเป็นเวลานานถึง 12 ปี

ก่อนหน้านั้น ในวันอังคารสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ตอบโต้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเฉลิมฉลอง โดยเรียกคนเหล่านั้นว่า “พวกสารเลว” (animal)

นายเพ็ญ สุวรรณ ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า “นายฮุนเซน” ในอดีตเป็นเพียงนายทหารตัวเล็กๆ ระดับผู้บัญชาการกองพัน

สมเด็จฯ ฮุนเซน ออกตอบโต้ว่า ก่อนกองทัพเวียดนามจะเข้า “ปลดปล่อย” กัมพูชาให้พ้นจากระบอบเขมรแดงนั้น ตนเองไม่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของอดีตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นถึงผู้นำการเมืองการทหารในเขตฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

ผู้นำก่อการทั้งหมดได้หลบหนีเข้าสู่เวียดนามและประกาศตั้งแนวร่วมกู้ชาติขึ้นในประเทศนั้น.

ภาพประกอบทั้งหมดโดยสำนักข่าว AFP

กำลังโหลดความคิดเห็น