ผู้จัดการออนไลน์-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวระหว่างการประชุมประจำสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) ว่าจะต้องปรับปรุงด้านการป้องกันประเทศ ขณะที่ทหารกัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยตามแนวชายแดนและหลังจากเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธเมื่อวันพุธ
คณะรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยืนสงบ 1 นาที ไว้อาลัยทหารเขมรที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบที่ชายแดนพนมโตร๊ป (Phnom Troap) หรือ ภูมะเขือ ทางตะวันออกของปราสาทพระวิหาร
"ด้วยความภาคภูมิใจที่เราได้รับในด้านการป้องกันเขตแดนของเรา วันนี้คณะรัฐมนตรีจะหารือกันเกี่ยวกับร่างกฎหมาย เพื่อนำเรื่องการปรับปรุงด้านกลาโหมเป็นความเร่งด่วนอันดับแรก" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่เป็นรูปธรรม
ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 คนจากการสู้รบขณะที่ฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 7 นาย ทหารกัมพูชาคนที่สามเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากสูดควันพิษอย่างต่อเนื่องเพราะต้องยิงระเบิดอาร์พีจีจำนวนมาก ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทหารไทยและกัมพูชาได้ตกลงจัดลาดตระเวนร่วมกันในเขตแดนพิพาท เพื่อหาลางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ปฏิบัติการดังกล่าวยังคงเป็นที่กังขาสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรุงพนมเปญ
พล.อ.แกกิมยาน (Ke Kim Yan) ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา ซึ่งเดินทางไปปราสาทพระวิหาร เมื่อวันศุกร์กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีการปักปันเขตแดนย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแสดงท่าทีเห็นด้วยกับการปฏิบัติ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวก็เพื่อหาทางลดกำลังทหาร ลดการเผชิญหน้า และต่อไปคงจะไม่สงครามที่ใหญ่โตระหว่างกัน
ระยะ 2-3 วันที่ผ่านมาโลกภายนอกได้เห็นทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเก่าๆ ที่ตกค้างมาจากยุคสงครามเย็นในการสู้รบกับทหารไทยที่มีอาวุธทันสมัยกว่า อาวุธหลักของฝ่ายกัมพูชาได้แก่เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี B40 ตั้งแต่ยุคสงครามกับรุ่น B41 ที่ใหม่กว่า
รถบรรทุกทหารเก่าๆ ของฝ่ายกัมพูชานำทหารเข้าสู่แนวหน้าด้าน จ.พระวิหาร พร้อมกับลากปืนใหญ่ขนาด 122 ม.ม.ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต รวมทั้งใช้รถลำเลียงพลรุ่นเก่าๆ ที่ผลิตในโซเวียตเช่นเดียวกัน
กัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับกองทัพไทยที่มีกำลังพลราว 300,000 นาย พร้อมเครื่องบินรบแบบเอฟ16 ปืนใหญ่ 155 ม.ม. เฮลิคอปเตอร์ติดปืนและและอาวุธหนักทันสมัยอีกหลายชนิด.