ผู้จัดการออนไลน์ -- ชาวกัมพูชาที่หันมารับประทานเนื้อสุนัข เริ่มมีจำนวนมากขึ้นทุกที และเรื่องเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในกรุงพนมเปญ เมื่อวัดจากจำนวนสุนัขที่หายไปจากท้องถนนในเมืองหลวงแล้ว ประมาณกันว่า ทุกๆ วันจะมีสุนัขตกเป็นอาหารโอชะ ระหว่าง 450-500 ตัว
ขณะที่ชาวเมืองหลวงบริโภคเนื้อสุกรวันละ 1,500-2,000 ตัว จำนวนผู้ที่บริโภคเนื้อสุนัขจึงนับว่าสูงยิ่ง ขณะที่ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Rasmei Kampuchea) รายงานเรื่องนี้ในวันจันทร์ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา
ต่างกับเนื้อสุกร ไก่ หรือ เนื้อวัว ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพโดยสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่อนามัยของเมืองหลวง การบริโภคและจำหน่ายเนื้อสุนัขปราศจากการควบคุมใดๆ ทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงอย่างสูงที่จะล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรงหลายชนิด
ปัจจุบันในกรุงพนมเปญ มีการขโมยสุนัขสูงมาก เจ้าของสุนัขที่หายไป ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกเดือน และเชื่อว่า ยังมีเจ้าของสุนัขอีกจำนวนหลายเท่าตัวที่ไม่ได้เข้าแจ้งความ
สถานการณ์ในเมืองหลวงกับในต่างจังหวัดไม่ได้ต่างกัน เนื่องจากสุนัขตัวเขื่องๆ สามารถขายได้ในราคาตัวละ 20 ดอลลาร์เลยทีเดียว รัศมีกัมพูชา กล่าว
ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอัตราเฉลี่ยสูงกว่า 7% ต่อปีในช่วงหลายปีมานี้ แต่ราว 2 ใน 3 ของประชากรเกือบ 14 ล้านคน ยังไม่ได้รับประโยชน์และใช้ชีวิตอยู่กับความยากจนข้นแค้นต่ำกว่าระดับความยากจนของสหประชาชาติ
การบริโภคเนื้อสุนัขนิยมกันมากในหมู่ชาวจีนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งได้กลายเป็นตลาดใหญ่ของสุนัขที่ถูกขโมย หรือซื้อไปจากประเทศต่างๆ ในอนุภูมิภาคอินโดจีน
เป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวเวียดนามจำนวนหนึ่งที่อาศัยในกรุงฮานอยกับอีกบางจังหวัดทางภาคเหนือบริโภคเนื้อสุนัขจนเป็นวัฒนธรรม เช่นเดียวกันกับชาวไทยในบางจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในกัมพูชาเคยมีข่าวคราวเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสุนัขมาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่การลอง หรือทำกันสนุกๆ การที่มีชาวกัมพูชาในเมืองหลวงบริโภคเนื้อสุนัขเพิ่มมากขึ้น นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่สื่อกัมพูชากล่าว
