ผู้จัดการออนไลน์ — สำหรับทหารของทั้งสองฝ่าย วันอาทิตย์ (17 ส.ค.) นี้ อาจจะเป็นวันแรกที่รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด หลังจากถืออาวุธเผชิญหน้ากันมานานแรมเดือน และการสู้รบอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
บัดนี้ยังคงเหลือทหารไทยกับทหารกัมพูชาฝ่ายละ 50 นายเท่านั้น ในเขตแดนพิพาทและในวัดที่ทหารของสองฝ่ายกว่า 1,000 นาย เคยเผชิญหน้ากันมาตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว จึง ทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปเงียบจนเปลี่ยนเป็นคนละอารมณ์กัน
การถอนทหารดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ (15 ส.ค.) แต่ทหารส่วนใหญ่ถูกถอนออกไปในเวลาประมาณ 16.00 น.วันเสาร์ ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของ พล.ต.เนียงฟัต (Neang Phat) แห่งกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
นายทหารผู้นี้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ว่า ขณะนี้มีทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้รับอนุญาตให้ประจำอยู่ในวัดต่อไปฝ่ายละ 40 นายเท่านั้น
ทางการได้ห้ามผู้สื่อข่าวกับช่างภาพเข้าไปทำข่าวและถ่ายภาพในบริเวณวัด รวมทั้งห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังปราสาทพระวิหาร ในช่วงที่มีการถอนทหาร แต่อนุญาตให้กลับเข้าพื้นที่ได้อีกครั้งหนึ่งในวันอาทิตย์ (17 ส.ค.)
อย่างไรก็ตาม สื่อในกัมพูชาได้เผยแพร่ภาพถ่ายชุดหนึ่งในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการทำพิธีบวงสรวงอีกครั้งหนึ่งโดยจัดขึ้นที่ปราสาทพระวิหารก่อนจะเริ่มถอนทหาร เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
พิธีบวงสรวงจัดขึ้นเพื่อขอให้การถอนทหารที่จะเริ่มขึ้นในบ่ายวันเดียวกันดำเนินไปด้วยความราบรื่นและให้ดวงวิญญาณบรรพชนปกป้องคุ้มครองแผ่นดินกัมพูชา ให้รอดพ้นจาก “การรุกราน” ของสยาม ซึ่งหมายถึงประเทศไทย
ก่อนหน้านั้น ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.ท่านผู้หญิงบุนรานีฮุนเซน (Bun Rany-Hun Sen) ภริยาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ไปเป็นประธานในพิธีบวงสรวงด้วยจุดประสงค์คล้ายกันนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่ปราสาทพระวิหารเช่นเดียวกัน ครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมนับพันคน
การเผชิญหน้าทางทหารเริ่มขึ้นหลังจากฝ่ายกัมพูชาได้จับกุมผู้ประท้วงชาวไทยไป 3 คน ในวันที่ 15 ก.ค.ฐานบุกรุกข้ามเขตแดนเข้าไปในแดนกัมพูชาที่เขาพระวิหาร
นายฮอร์นัมฮอง (Hor Nam Hong) รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา มีกำหนดพบเจรจากับนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในวันจันทร์นี้ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาพิพาทพรมแดนระหว่างสองประเทศ