เวียดนามทราบเป็นอย่างดีแล้วว่าในแต่ละปีมีนักเรียน-นักศึกษาไปศึกษาในต่างประเทศจำนวนเท่าไร แต่ไม่เคยทราบว่ามีจำนวนเท่าไรที่เรียนสำเร็จแล้วไม่ยอมกลับประเทศ.. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มคิดได้ว่าเวียดนามโดนต่างชาติ "ดูดสมอง" มานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนบ้านใกล้เคียงคือสิงคโปร์
ในแต่ละปีรัฐบาลสิงคโปร์ทุ่มงบมหาศาลในการคัดเลือกนักเรียนนักศึกษาระดับหัวกะทิจากประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีนักศึกษาไปเรียนในสิงคโปร์จำนวนมาก หนังสือพิมพ์เหงือยลาวด่ง (Nguoi Lao Dong) หรือ "คนงาน" กล่าว
ในการมอบ "ทุนการศึกษา" ให้แก่นักเรียนระดับหัวกะทินั้น แต่ละปีเจ้าหน้าที่สิงคโปร์จะเดินทางเข้าเวียดนามไปยังเมืองหรือนครต่างๆ เพื่อทดสอบวัดไอคิว วัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ รวมทั้งวัดเจตนคติกับจุดแข็งต่างๆ ในตัวของนักเรียน เพื่อจัดหาที่เรียนให้เหมาะสม
นั่นก็คือนักเรียนชั้นหัวกะทิจากทั่วเวียดนามไม่ได้เรียนในประเทศ พวกเขาจะเดินทางไปศึกษาในต่างแดน
ในเดือน ต.ค.-พ.ย.ของทุกปี มหาวิทยาลัยต่างๆ ของสิงคโปร์ รวมทั้งมหาวิทยาลัยแห่งชาติ (National University of Singapore) ได้ส่งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการศึกษาระดับมัธยมเดินทางไปยังโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งต่างๆ ทั้งในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์นำเสนอหลักสูตรต่างๆ และชักชวนนักเรียนจากเวียดนามไปศึกษาต่อ
แต่ละปีมีนักเรียนที่กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 4 จำนวนมาก ได้ไปเรียนตามคำเชิญชวนของเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ในรูปแบบทุนการศึกษา เหงือยลาวด่งกล่าว
ไม่เพียงแต่ระดับปริญญาตรีเท่านั้น สิงคโปร์ยังเสนอทุนฝึกอบรมให้แก่นักศึกษาที่เรียนจบระดับมหาวิทยาลัยอีกจำนวนมาก ที่เรียกอย่างหรูๆ ว่า "โครงการฝึกอบรมสำหรับบัณฑิต" ซึ่งจะจัดขึ้นในสิงคโปร์เป็นเวลา 1 ปี
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าทุกปีเวียดนามได้สูญนักเรียน-นักศึกษาระดับหัวกะทิให้แก่ประเทศในภูมิภาคนี้จำนวนมาก และจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลตรวจสอบได้ว่า หลังสำเร็จการศึกษาหรือการฝึกอบรมแล้ว มีนักเรียนจำนวนเท่าใดที่ไม่เดินทางกลับประเทศและทำงานอยู่ในสิงคโปร์ มาเลเซียหรือกระทั่งประเทศไทย
สำหรับครอบครัวเวียดนามทั่วไปก็จะดีใจที่ลูกหลานได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ภูมิใจ นำตัวเลขออกอวดกันว่าคนของใครได้เป็น "นักเรียนนอก" มากที่สุด เวียดนามเองก็ภาคภูมิใจที่นักศึกษามีโอกาสได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกซึ่งไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยในภูมิภาคแถบนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามจำเป็นจะต้องทบทวนนโยบายการข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใหม่ เพื่อให้สามารถผลิตบุคคลากรที่มีความสามารถและได้ใช้ความสามารถเหล่านั้นเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ
เวียดนามจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีหลักประกันว่านักเรียนเก่งจะได้เรียนในสถาบันการศึกษาที่เหมาะสม และ ทำทุกอย่างเพื่อวางคนให้เหมาะกับงาน
รัฐบาลควรมีมาตรการดึงดูดให้นักศึกษาในต่างแดนเดินทางกลับบ้านเกิดหลังจากได้เรียนและทำงานในต่างประเทศมาระยะหนึ่ง เดินทางกลับแผ่นดินแม่
แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งก็คือ ในขณะที่ทางการท้องถิ่นต่างๆ ได้พยายามดึงบุคคลากรล้ำค่าเหล่านั้นกลับประเทศ โดยเสนอตำแหน่งงานที่น่าสนใจกับให้แรงจูงใจต่างๆ
แต่ทว่าหลังจากคนเหล่านั้นได้เข้าประจำตำแหน่งงานต่างๆแล้ว หน่วยงานของทางการเองกลับไปได้เอาใจใส่ใช้ความสามารถของพวกเขาอย่างคุ้มค่า หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกล่าว.