xs
xsm
sm
md
lg

เซ็งปากหอยปากปู 'มาดามซเวี๊ยป' ซื้อโรลส์รอยซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#990099> ซุบซิบนินทากันอยู่ได้..น่าเบื่อหน่าย.. มาดามซเวี๊ยปออกมาสยบเสียงนกเสียงกาในโฮจิมินห์ด้วยโรลส์รอยซ์ แฟนธอม เปิดประทุนปี 2008 รุ่นนี้  <FONT></CENTER>

ผู้จัดการรายวัน-- ในขณะนี้พวกดีลเลอร์รถยนต์ในเวียดนามกำลังแพร่ข่าวสารปากต่อปาก เกี่ยวกับโรลส์รอยซ์เปิดประทุนคันใหม่เอี่ยมจากโรงงาน ที่จะไปถึงนครโฮจิมินห์ในเดือนหน้านี้

วงการธุรกิจในเวียดนามก็กำลังกระซิบกระซาบกันถึงชื่อ “มาดามซเวี๊ยป” นางซเวืองถิแบ๊กซเวี้ยป (Duong Thi Bach Diep) เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งนครโฮจิมินห์

ผู้ค้ารายหนึ่งกล่าวว่า รถโรลส์รอยซ์ (Rolls-Royce) "แฟนธอม" (Phantom) คอนเวอร์ทิเบิล (Convertible) ปี 2008 คันนี้ เมื่อรวมภาษีเสร็จสรรพก็จะมีราคาถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ (กว่า 50 ล้านบาท) มีกำหนดส่งถึงท่าอากาศยานเติ่นเซินเญิต (Tan Son Nhat) กลางเดือน ธ.ค. โดยนำเข้าผ่านบริษัทในฮ่องกง

วงในว่ากันว่าผู้สั่งซื้อหมดความอดทนกับเสียงกระแนะกระแหนในวงการที่ว่า “ในประเทศนี้ไม่มีใครรวยจริง” และ พวกเศรษฐีมีปัญญาเพียงแค่ “ขับรถยนต์เก่าๆ”

ทุกคนทราบดีว่า โรลส์รอยซ์ไม่ใช่รถหรูคันแรกของเศรษฐีนีคนดัง ปัจจุบันนั่งซีรีส์ 7 (BMW 760 LI) ซีดานไปทำงาน และ เป็นรุ่นหุ้มเกราะกันกระสุน ติดเครื่องยนต์ V12 ราคาจากโรงงานยังไม่ได้รวมภาษีใดๆ เกือบ 200,000 ดอลลาร์ หรือ 7 ล้านบาท

มาดามซเวี๊ยปยังมีเอสยูวี BMW X5 อีกคัน กับ สปอร์ตหรู BMW M6 อีก 1 คัน เอาไว้เฉิดฉายไปไหนมาไหน

ตามรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส (VietnamExpress) ซึ่งเป็นสำนักข่าวภาษาเวียดนามของทางการคอมมิวนิสต์ โรลส์รอยซ์เปิดประทุนคันนี้กำลังจะเป็นรถยนต์ราคาแพงที่สุด เท่าที่มีการนำเข้าประเทศ
<CENTER><FONT color=#990099> เมื่อคนรวยขึ้นๆ หน้าตา-บารมีก็ติดตามมา รถหรูคู่ควรกายแบบนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างช่วยไม่ได้ ก็เพราะคนมันรวย <FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#990099> บั้นทายของ Phanthom Convertible 2008 เจ้าของเป็นนักธุรกิจหญิงเหล็กที่มีสโลแกน ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา  <FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#990099>เครื่องหมายนี้มีความขลังมาแต่ครั้งก่อนเก่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศ นอกจากเครื่องยนต์ V12 6.4 ลิตร แล้ว ทุกชิ้นของโรลส์รอยซ์คันนี้ประกอบด้วยมือที่ชำนาญงานมานานหลายสิบปี <FONT></CENTER>
เจ้าของพาหนะที่ได้รับการยอมรับว่าหรูหราที่สุดในโลกยี่ห้อนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยขึ้นมาเงียบๆ ในช่วงตลาดหลักทรัพย์บูมสุดขีดระหว่างปลายปีที่แล้วกับต้นปีนี้ ต่อมาได้ใช้ความร่ำรวยนั้นลงทุนพัฒนาบ้านที่ดินและอาคารสำนักงานในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะอย่างที่สุด

มันเป็นช่วงเวลาที่หลายฝ่ายกล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูยุคที่ 3 และ "มาดามซเวี๊ยป" ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังตักตวงความร่ำรวยอยู่ในขณะนี้

เจ้าของธุรกิจรายใหญ่นี้สั่งซื้อโรลส์รอยซ์จากผู้ผลิตโดยตรงเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยราคา 540,000 ดอลลาร์ (หรือ 18,900,000 บาท) โดยยอมจ่ายเงินประกันล่วงหน้า 14,000 ดอลลาร์

รถนำเข้าสำเร็จรูปจะต้องเสียภาษีศุลกากร 60% และยังต้องเสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยอีก 50% ภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 10% ทำให้ราคาโรลส์รอยซ์คันนี้พุ่งขึ้นเป็นประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์

ด้วยระบบการจัดเก็บภาษีที่สูงมาก ได้ทำให้รถยนต์ที่ประกอบในประเทศ รวมทั้งรถหรูอย่างเมอร์ซีเดสเบนซ์ราคาแพงลิบลิ่ว แต่เศรษฐีเวียดนามยังมองว่าไม่พอสำหรับการส่งเสริมฐานะ รถยนต์หรูแบบคลาสสิคจากยุโรปจึงกลายเป็นทางเลือก

วงการทราบกันดีว่ามาดามซเวี๊ยปเป็นนักธุรกิจประเภทสตรีเหล็ก รอบรู้ด้วยข้อมูล เด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ เมื่อเร็วๆ นี้ได้ทุ่มเงิน 13,000 ล้านด่ง หรือ 810,000 ดอลลาร์ เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของภาพเขียนภาพหนึ่งในการประมูลเพื่อสาธารณกุศล

เจ้าตัวกล่าวว่าในตอนนั้นว่า จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ภาพเขียนชิ้นนั้น-- "ถ้าหากคุณต้องการอะไรสักอย่างคุณจะต้องใช้ความพยายามทุกทางเพื่อให้ได้มันมา นี่เป็นภูมิปัญญาทางธุรกิจที่นำความสำเร็จมาให้กับฉันอย่างมากมาย" มาดามกล่าว

และนี่คือเหตุผลที่มาดามยืนยันว่า โรลส์รอยซ์คันหรูจะต้องเป็นสีเขียวพฤกษา (Woodland Green) ไม่ใช่สีดำหรือสีบรอนซ์เงินที่เป็นพิมพ์นิยมในท้องตลาด ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อ "ซเวี๊ยป" ที่มีความหมายว่า "ใบไม้สีเขียว"
<CENTER><FONT color=#990099> เมื่อมาถึงขั้นนี้ BMW 760LI V12 หุ้มเกราะรอบคัน ก็ย่อมหรูหราไม่พออีกต่อไป <FONT></CENTER>
นักวิเคราะห์มองว่า รถยนต์หรูกำลังถูกใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงฐานะและบารมีทางธุรกิจสำหรับคนร่ำรวยหยิบมือหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังฟู่ฟ่า แต่สำหรับบางคนพาหนะราคาแพงดูจะเป็นเพียงแค่ของเล่นอีกชิ้นหนึ่งเท่านั้น

นักธุรกิจคนหนึ่งในกรุงฮานอย เพิ่งสั่งซื้อบีเอ็มดับเบิ้ลยูเอ็กซ์ไฟฟ์ (BMW X5) ตรงจากเยอรมนี เป็นรุ่นหุ้มเกราะกันกระสุนทั้งคัน และ ด้วยสนนราคาจากโรงงาน 320,000 ดอลลาร์ (หรือ 11 ล้านบาทเศษ)

รถยนต์กันกระสุนอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียที่ทางการอนุญาตให้นำเข้าได้ แต่คันที่เพิ่งจะสั่งซื้อนี้เป็นคันแรกในเวียดนามซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ได้รับการยอมรับว่าประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูงมาก พาหนะพวกนี้ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ

นี่คือแนวโน้มใหม่ที่เกิดขึ้นในเวียดนาม คือแนวโน้มที่กลุ่มคนร่ำรวยกำลังใฝ่หาของเล่นราคาแพงเพื่อประดับบารมีและศักดิ์ศรี ทั้งในทางส่วนตัวและทางธุรกิจ
<CENTER><FONT color=#990099> ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เบนท์ลีย์ ฟลายอิงสเปอร์ ปี 2007 อย่างคันในภาพนี้ ก็จะส่งถึงท่าอากาศยานเติ่นเซินเญิตในวันเสาร์ (24 พ.ย.) เป็นของนักธุรกิจหญิงประธานบริษัทชิเซโดเวียดนาม <FONT></CENTER>
รถเบนท์ลีย์ (Bentley) "ฟลายอิ้งสเปอร์" (Flying Spur) คันหนึ่งมีกำหนดส่งถึงมือเจ้าของในนครโฮจิมินห์วันที่ 24 พ.ย.นี้ ราคารถเมื่อคิดรวมภาษีต่างๆ แล้วสูงถึง 448,773 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,700,000 บาทเศษ)

เบนท์ลีย์คันงามเป็นของนางเลฮว้ายแอ๋ง (Le Hoai Anh) เจ้าของบริษัทชิเซโดเวียดนาม (Shiseido Vietnam) เครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่น

เมื่อต้นปีเศรษฐีเวียดนามคนหนึ่งได้สั่งซื้อโรลส์รอยซ์ “แฟนธอม” ซีดาน ปี 2007 มูลค่า 1.12 ล้านดอลลาร์จากสหรัฐอเมริกา ส่งมอบกันเรียบร้อยตั้งแต่เดือน เม.ย.

คันนี้เป็นรถใช้แล้ว แต่ก็เป็นหนึ่งในรุ่นล่าสุดของแฟนธอมซีรีส์ และเป็นเพียงหนึ่งในสามรุ่นที่โรลส์รอยซ์เข็นออกสู่ตลาด นับตั้งแต่บริษัทรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) จากเยอรมนีเข้าซื้อกิจการในปี 2549

ปลายปีที่แล้วมีการนำเข้ารถมายบัค 62 (Maybach 62) ราคากว่า 40 ล้านบาท ตามคำสั่งซื้อของเศรษฐีใหม่รายหนึ่งในนครโฮจิมินห์ ซึ่งยังคงเป็นบุรุษลึกลับมาจนทุกวันนี้

แต่ก็มีเสียงนินทาค่อนแคะกันในวงการมาตลอดว่า ทั้งมายบักและแฟนธอมที่นำเข้ามานั้น "ก็แค่รถมือสอง”

ว่ากันว่า เสียงค่อนขอดนี้ได้เป็นพลังขับดันอีกทางหนึ่ง ให้มาดามซเวี๊ยปต้องก้าวออกมาดับกระแสวิพากษ์.
กำลังโหลดความคิดเห็น