นายเขียว สัมพัน (Khieu Samphan) อดีตประธานาธิบดีของรัฐบาลเขมร ถูกจับกุมในวันจันทร์ (18 พ.ย.) นี้ เพื่อนำตัวขึ้นไต่สวนโดยคณะตุลาการพิเศษพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นับเป็นอดีตผู้นำรายที่ 5 ที่ถูกจับ
ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ก่อนหน้านั้น ดร.เขียว สัมพัน หรือ “เคียว สมพอน” ถูกนำตัวออกจากโรงพยาบาลในกรุงพนมเปญ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยราว 30 นายคุ้มกันขบวนรถอย่างแน่นหนา
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้สั่งให้ฝ่ายทหารนำเฮลิคอปเตอร์ไปรับ นายเคียว จากเมืองไพลิน ส่งโรงพยาบาลกาเมต์ (Calmette) วันพุธ สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอาการโรคหัวใจกำเริบ โดยให้เหตุผลว่าถ้าหากอดีตผู้นำเขมรแดงเป็นอะไรไปก็จะถูกประชาชนต่อว่า
นางสอ สุชาติ (Sor Socheat) ภรรยา กล่าวว่า ดร.เคียว ซึ่งปัจจุบันอายุ 76 ปี ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงอย่างไม่ปกติ แต่โรงพยาบาลได้ตรวจเช็กแล้ว ยังไม่พบอะไรที่ผิดปกติเร่งด่วน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีการจับกุม นายเอียงซารี (Ieng Sary) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลเขมรแดงกับนางเอียงธิริต (Ieng Thirith) ภรรยา ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของเขมรแดงเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาเป็นอาชญากรสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์ เมื่อครั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาหรือเขมรแดงครองอำนาจช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970
ก่อนหน้านั้น ได้มีการจับกุม นายนวนเจีย (Nuon Chea) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเป็น “พี่ชายหมายเลข 2” รองจากนายพลพต (Pol Pot) หรือ “โปลโป้ท” และเป็นนักทฤษฎีของพรรค
คณะตุลาการระหว่างประเทศที่สหประชาชาติให้การสนับสนุนยังได้จับกุม “สหายดุจ” หรือ กังแขกเอียว (Kang Khek Eav) อดีตผู้บัญชาการเรือนจำตวลสแลง (Tuol Sleng) และตั้งข้อหาเดียวกัน แต่ก็เชื่อกันว่าคณะตุลาการฯ จะกันบุคคลผู้นี้เป็นพยาน
อดีตผู้นำที่ถูกจับล้วนถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม การกำจัดฝ่ายตรงข้าม การจับกุมคุมขังอย่างไม่ยุติธรรม และการบังคับใช้แรงงานทาส
ต่างไปจากผู้นำคนอื่นๆ ที่ถูกจับกุม นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญกล่าวตรงกันว่า ไม่พบพยานหลักฐานที่พอบ่งชี้ว่า นายเคียว พัวพันกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา แต่ก็กล่าวว่าอดีตประธานาธิบดีของกัมพูชาประชาธิปไตยรับรู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้กระทำการอันใดเพื่อขัดขวาง
ดร.เคียว สมพอน เรียนสำเร็จปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ จากประเทศฝรั่งเศส เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อ และได้รวมกลุ่มกับนายโปลโป้ท นายเอียงซารี กับผู้นิยมในลัทธิสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ ที่นั่น ก่อนจะกลับกัมพูชาและจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมา
มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตไปราว 1.7 ล้านคน จากการถูกสังหาร อดอยาก หรือถูกบังคับใช้แรงงานทาสในช่วงที่เขมรแดงครองอำนาจระหว่างปี 2518-2522 ซึ่งมีการบังคับผู้คนนับล้านๆ ออกจากเมืองเพื่อไปทำการผลิตในเขตชนบท ในความพยายามสถาปนาสังคมคอมมิวนิสต์แบบบุพกาลขึ้นมา
รัฐบาลเขมรแดง ได้ยกเลิกการใช้เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ลบล้างศาสนาและไม่มีโรงเรียน
คณะตุลาการระหว่างประเทศตั้งขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยการขัดแย้งกันเองภายใน รวมทั้งการกล่าวหาเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้การทำงานล่าช้าออกไป
คาดว่า การไต่สวนจะเริ่มได้จริงๆ ประมาณกลางปี 2551 ท่ามกลางความวิตกกังวลของหลายฝ่ายว่า บรรดาอดีตผู้นำเขมรแดงที่ตกเป็นจำเลยอาจจะสิ้นชีวิตไปเสียก่อน
วันอังคาร (20 พ.ย.) นี้ คณะตุลาการฯ จะเปิดรับฟังการเบิกความทนายความสหายดุจ ซึ่งอุทธรณ์ให้แก่ลูกความที่ถูกคุมขังก่อนการไต่สวนจะเริ่มขึ้น
นายกังแขกเอียวถูกจับกุมในเดือน ก.ค.ฐานเป็นผู้ที่เฝ้าดูการทรมานนักโทษและการจับกุมคุมขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ตลอดจนการล้มตายของผู้คนหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันคนที่คุกตวลสแลง
เขาถูกรัฐบาลกัมพูชาจับและถูกคุมขังมาเป็นเวลา 8 ปี โดยไม่มีมีการฟ้องร้องพิจารณาความใดๆ ในศาล ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะตุลาการระหว่างประเทศขึ้นมา
ทนายความของ นายดุจ กล่าวว่า การคุมขังเป็นเวลายาวนานเป็นการละเมิดสิทธิของลูกความและขอให้คณะตุลาการฯ อนุญาตให้ประกันตัวออกจากที่คุมขัง.