จุ๊จุ๊...ย่านนี้ชาวเขมรมีส้วมใช้น้อยที่สุด

ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทของประเทศมีเพียง 16% เท่านั้น ที่มีส้วมไว้ใช้ในการปลดทุกข์ ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก และยังแสดงให้เห็นความขาดเขินด้านมาตรฐานการอนามัยพื้นฐานในประเทศนี้ซึ่งมีเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดในโลก

ก่อนหน้านี้ หน่วยราชการต่างๆ ไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยตัวเลขสถิติเช่นนี้เท่าไรนัก

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยระหว่างการประชุมระดับชาติว่าด้วยสุขอนามัยในชนบทที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญต้นสัปดาห์นี้ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์กัมบอดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir) ภาษาฝรั่งเศส

อัตราคนที่มีส้วมในกัมพูชานับว่าต่ำที่สุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับ 99% ในประเทศไทย 61% ในเวียดนามและ 31% ในลาว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า “ประชาชนในชนบทไม่เข้าใจดีพอเกี่ยวกับสุขอนามัยในครอบครัว ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และยิ่งจะทำให้ก้าวถลำลึกลงสู่ความยากจนอีกด้วย” นายยิมชัยหลี (Yom Chhay Ly) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาชนบทกล่าวในที่ประชุม

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สุขอนามัยทั่วไปมีการพัฒนาในทางที่ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่ถึง 10 ปีมานี้ อัตราการมีน้ำดื่มของประชาชนได้เพิ่มจาก 24% ในปี 2541 เป็น 45% ในปี 2549

อัตราการมีห้องส้วมในครัวเรือนต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วยจากเพียง 9% ในปี 2541 เป็น 16% เมื่อปีที่แล้ว แต่นายชัยหลีกล่าวว่ายังไม่น่าพอใจ

เป้าหมายของกระทรวงพัฒนาชนบทภายในปี พ.ศ.2588 หรืออีก 8 ปี 50% ของประชาชนในชนบทจะต้องมีน้ำสะอาดดื่ม และ 30% ของครัวเรือนจะต้องมีส้วมใช้ และ ในปัจจุบันกำลังมีการรณรงค์ในพื้นที่ 60 หมู่บ้านใน 9 จังหวัดจากทั้งหมด 24 จังหวัด ไม่ให้ชาวบ้านไปปลดทุกข์นอกส้วม

ผู้ช่วยรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวอีกว่า ปัญหาคนไม่ค่อยนิยมใช้ส้วมนี้ทำให้เด็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบถึง 20% ป่วยเป็นท้องร่วง

ผลการศึกษาขององค์การอนามัยโลก ชี้ชัดว่า ลงทุนไปเพียง 1 ดอลลาร์ในด้านสุขอนามัย จะช่วยประหยัดเงินงบประมาณค่ายารักษาสุขภาพได้ถึง 23 ดอลลาร์

นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หาทางแก้ไขปัญหาเรื่องห้องส้วมในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบ่อยๆ ด้วย

“นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย เมื่อคนปลดทุกข์ลงสู่แม่น้ำ ก็จะมีความเสี่ยงอย่างสูงที่จะเกิดโรคติดต่อ” นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าว