xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนไปงานวังสงวนปลาชุมชนลาวบ้านต้นเผิ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#00CC66> ประกาศเขตแดนสำหรับปลาพันธุ์พื้นเมือง เพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยไปสู่อนาคต </FONT></CENTER>

แล้วก็ถึงช่วงเวลาสำคัญ ก่อนจะปล่อยพันธุ์ปลาค้าว พันธุ์ปลาบึก และพันธุ์ปลาในแม่น้ำโขงล็อตใหญ่ตามกำหนดการ แต่ผู้เข้าร่วมพิธีต่างก็ต้องรอชะงักกลางแดดร้อน

พระอาจารย์และหลวงพี่ กำลังสงสัยอยู่ว่าบทที่สวดอยู่นั้นจะถูกต้องคล้องกับพิธีกรรมประเภทนี้หรือไม่ พลันนั้นก็ล้วงหยิบตำราเล่มเก่าเข้ามือ เปิดปรึกษากันท่ามกลางเปลวแดดระอุ

ด้วยความที่เป็นพิธีกรรมใหม่ที่อาจเรียกได้ว่า นำเข้าข้ามโขงมาจากฝั่งไทย หลวงพี่หลวงพ่อจึงจำต้องเปิดตำราทบทวนบทสวดกันริมน้ำ หลายคนบอกไม่เป็นไรเพื่อความถูกต้องตามพิธีกรรม พี่น้องลาวเจ้าบ้านพี่น้องไทยผู้มาเยือนรอได้อยู่แล้ว

ท้ายที่สุด คุ้งน้ำขนาดยาว 200 เมตร กว้าง 100 เมตร ก็ถูกบันดาลให้เป็น “วังปลาสงวน” ตามเจตนาของผู้คนในชุมชนสองฟากแม่น้ำโขงนั่นเอง พร้อมปักป้ายที่ประกาศชัดเจนแก่ผู้ผ่านผาหน้าน้ำนั้นว่า

1.ห้ามหาปลาที่วังสงวนเป็นเด็ดขาด
2.ห้ามติดเบ็ด ใส่มอง (ดักข่าย) ใส่เบ็ด (วางเบ็ด) ใส่ไซ ไล่เต่า และอื่นๆ
3.ห้ามใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ช็อตไฟฟ้า จี้ปลา หรือใช้ระเบิดเป็นเด็ดขาด
4.ห้ามวางยาเบื่อทุกชนิด

สำหรับผู้ละเมิด กฎของชุมชนกำหนดไว้ว่า หากละเมิดครั้งแรก จะต้องเข้ารับการ “ศึกษาอบรม” เขียนใบสำรวจและยึดเครื่องมือหาปลา ครั้งที่สอง ยังต้องเข้ารับการ “ศึกษาอบรม” และเขียนใบสำรวจ ยึดของกลาง พร้อมทั้งปรับไหม 5 ล้านกีบ ตามกรณีของแต่ละบุคคลไป

หากยังละเมิดเป็นครั้งที่สาม จะถูกยึดพาหนะและเครื่องมือหาปลา พร้อมนำตัวส่งกองคดี หรือถึงขั้นการแจ้งความและดำเนินคดีตามกฎหมายนั่นเอง
<CENTER><FONT color=#00CC66> จะมีการเฝ้าระวังและติดตามความเป็นอยู่ของฝูงปลาในเขตวังสงวน </FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#00CC66>อาศัยความเชื่อทางศาสนากับรากฐานทางสังคมชุมชนที่แข็งแกร่ง สร้างอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของลำน้ำสากลแห่งนี้ </FONT></CENTER>
นั่นคือ กิจกรรมตั้งแต่ช่วงกลางปี ชาว อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ หลายสิบชีวิตเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปร่วมงานบวชวังสงวนอนุรักษ์พันธุ์ปลาของชุมชนชาวลาวในบ้านต้นเผิ้ง เมืองต้นเผิ้ง แขวงบ่อแก้ว ชุมชนนี้อยู่เยื้องกับตัวอำเภอเชียงแสนไปเล็กน้อย

การไปมาหาสู่ในทำนองนี้ก็เป็นวิถีปกติของคนน้ำโขง ทั้งงานบวชนาค แต่งงาน งานสวดศพตามประสาชุมชนใกล้เคียง แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่พิธีกรรมทางศาสนาถูกผนวกเช้ากับกิจกรรมอนุรักษ์ ขณะที่ก่อนหน้านี้

กิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใต้โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งสำหรับแม่หญิงและชุมชนในประเทศลาว เป็นจังหวะก้าวต่อเนื่องของ “กลุ่มท้อนเงิน” หรือกลุ่มออมทรัพย์ของชุมชนในฝั่งลาวที่ขยับขยายจากเนื้องานแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจของครัวเรือนมาสู่งานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น

แม่น้ำโขงเป็นทรัพยากรท้องถิ่นของต้นเผิ้งและชุมชนในฝั่งลาวไทยตลอดลำน้ำ ทว่าในขณะเดียวกันก็มีฐานะเป็น “แม่น้ำสากล” ที่กำลังถูกรุกคืบและใช้ประโยชน์จากกลุ่มทุนทะลักของมหาอำนาจแห่งเอเชีย

ไม่กี่ปี่ที่ผ่านมาความเปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาทั้งการระเบิดแก่งกลางน้ำโขง การสร้างเขื่อนกักกั้นสายน้ำในฝั่งจีน ต่างทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขงลดน้อยลง ชาวชุมชนท้องถิ่นทั้งสองฟากจึงจำต้องร่วมไม้ร่วมมือขับเคลื่อนพลังจาก ”ข้างล่าง” เหล่านี้เพื่อต่อรองและทัดทานกับการรุกคืบจาก “ข้างบน”

การบวชวังสงวนที่บ้านต้นเผิ้งถือเป็นแห่งที่สองต่อจากบ้านท่าพ้าว เมืองโขง แขวงจำปาสักทางภาคใต้ที่ทำไป 2 เดือนก่อนหน้านั้น

ครั้งนั้นนับเป็นพิธีกรรมครั้งแรกที่ได้รับการถ่ายทอดแนวความคิดในการหลอมรวมความเชื่อทางศาสนาเข้ากับการอนุรักษ์ธรรมชาติมาจากชุมชนในฝั่งไทย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมท้องถิ่นและศาสนาผนวกเข้ากับการต่อสู้เพื่อพิทักษ์ทรัพยากรมาอยู่ก่อนแล้ว ดังที่เคยเห็นกันในพิธีกรรมการบวชป่า การบวชแม่น้ำ เป็นต้น
<CENTER><FONT color=#00CC66>นับร้อยชีวิตได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานการก่อตั้งเขตวังสงวน </FONT></CENTER>
นั่นอาจเป็นเพราะว่า การปกป้องรักษาอู่ข้าวอู่น้ำอาจเป็นหลักประกันสำคัญอย่างหนึ่งที่จะรับรองการอยู่ดีกินดี ม่วนซื่น และยั่งยืนยาวนานกว่าการออมทรัพย์ทีกำลังชาวบ้านฝั่งลาวกำลังขะมักเขม้นอยู่ในขณะนี้

บ้านต้นเผิ้งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีการจัดตั้งกลุ่มท้อนเงิน ภายใต้การผลักดันของ สหพันธ์แม่หญิงลาว ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองตามโครงสร้างการปกครองของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน องค์กรมหาชนในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของทางการไทย มาตั้งแต่ปี 2543

ปัจจุบันมีกลุ่มท้อนเงินกระจายตัวอยู่ใน 12 แขวงทั่วเทศรวมทั้งสิ้น 244 กลุ่มทั่วประเทศลาว มีสมาชิกกว่า 36,000 คน และมีเงินออมที่คิดเป็นเงินไทยประมาณ 74 ล้านบาท

“ตอนนี้ปลามันน้อยลง ต่างกับเมื่อ 20-30 ปีก่อน แต่พอเราต้องการทันสมัย ก็ต้องทำลายธรรมชาติกันเยอะ ช็อตปลากัน เรียกว่าเป็นการหากินแบบดับสูญ” จอมแปง กันทะดี นายบ้านต้นเผิ้ง บอกถึงต้นสายของความคิดที่จะสร้างวังปลาสงวน นอกจากที่ไปเห็นตัวอย่างที่บ้านพ้าวแล้วคิดกันว่าน่าจะมาทำที่บ้านของตัวเองบ้าง

“ยิ่งมีกลุ่มท้อนเงินอยู่แล้ว เรามีประสิทธิภาพในการตกลงกันง่ายอยู่แล้ว หากจะทำวังสงวนปลา” เขาบอก ทั้งนี้ กลุ่มท้อนเงินเป็นหนึ่งในองค์กรระดับท้องถิ่น ที่กำกับโดยคณะกรรมการที่ต่างก็มีบทบาทอยู่ในชุมชน ทั้งเลขาธิการพรรคบ้าน นายบ้าน สหพันธ์แม่หญิงลาว และกลุ่มสาวหนุ่ม โดยมีสมาชิกในบ้านเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มท้อนเงินโดยสมัครใจ

ปัจจุบันมีกลุ่มท้อนเงินบ้านต้นเผิ้งมีสมาชิกทั้งสิ้น 96 คน และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเดือนละ 3 – 4 ราย

ผลประโยชน์เรื่องปากท้องที่ชาวบ้านได้รับจากกลุ่มท้อนเงินนี่เอง ที่เป็นจุดเชื่อมให้คนในหมู่บ้านเข้ามาร่วมหารือร่วมกัน และนั่นนำมาสู่การต่อยอดในงานด้านการพิทักษ์ทรัพยากรของชุมชนในลำดับต่อมา
<CENTER><FONT color=#00CC66>กิจกรรมนี้ก็เพื่อให้มีหลักประกันว่าในอนาคตจะยังมีฝูงปลาอุมดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ขณะที่มีระเบิดเกาะแก่ง สร้างเขื่อนกั้นทางตอนบนของลำน้ำ </FONT></CENTER>
ถึงกระนั้น นิวัติ ร้อยแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของจากฝั่งไทย กล่าวว่า การออมทรัพย์แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านได้ แต่นั่นก็เป็นการออมทุนใหม่เท่านั้น หากแต่ลืมทุนเก่าที่บรรพบุรุษและธรรมชาติได้มอบให้แก่เรา มนุษย์ลืมไปว่าเรายังมีป่า แม่น้ำ ลำธาร และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งหล่อหลอมให้เรามีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ แต่ขณะนี้เรากำลังจะลืมทุนเก่าเหล่านี้ไป

“แม้จะท้อนเงิน ออมทรัพย์ได้ดีเพียงใด แต่หากไม่รักษาทุนเก่าทุนธรรมชาติไว้ สุดท้ายเราก็จะไม่เหลือทรัพยากรไว้ให้เป็นทุน แล้วเราจะเอาอะไรมาท้อนเงินเมื่อถึงวันนี้”.

หมายเหตุ: รอมฎอน ปันเชอร์ ผู้สื่อข่าวของเราย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นประจักษ์พยานในความพยายามระดับท้องถิ่น อนุรักษ์แหล่งทำมาหากิน ระหว่างชาวไทยกับชาวลาว 2 ฝั่งโขง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
กำลังโหลดความคิดเห็น