พ่อแม่ผู้ปกครองในเวียดนามพากันตกอกตกใจเมื่อได้เห็นบุตรหลานเดินควงเพื่อนเพศตรงกันข้ามตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมและตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นลูกๆ วัยหนุ่มสาวจับมือถือแขนเกี่ยวก้อยกันเดินเป็นคู่ๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสังคมเปลี่ยนไปจากเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้วเป็นอย่างมาก ต้นเหตุความผิดเพี้ยนในเรื่องนี้ก็เพราะว่าไม่มีการสอนเพศศึกษาในโรงเรียนอย่างจริงจัง และยังไม่มีที่อื่นๆ ที่จะให้ความรู้เรื่องนี้แก่เด็กๆ จึงต้องเสาะแสวงหากันเอาเอง แบบลองผิดลองถูก
แต่การศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งได้พบว่า ปัญหามีมากกว่านั้น ปัจจุบันนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายรู้เรื่องเพศกับการเจริญพันธุ์ในระดับที่ต่ำมาก
การวิจัยที่ใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2 แห่งในนครโฮจิมินห์คือ ยาดิ่ง (Gia Dinh) กับ เหวียนเหว (Nguyen Hue) ได้พบผลลัพธ์ที่น่าพิศวง
เมื่อถามว่า "เธอคิดว่าทารกเกิดมาจากที่ใด?" เด็กมัธยมปลายหลายคนเขียนตอบในแบบสอบถามว่า "เท่าที่ทราบ.. คนเราเกิดมาจาก............................. ใต้จั๊กกะแร้"
นี่คือผลงานชิ้นเยี่ยมของนักศึกษามหาวิทยาลัยสังคมวิทยาและมานุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ ซึ่งได้เผยแพร่ผลงานวิจัยในสัปดาห์นี้
คณะผู้ศึกษาวิจัยได้ส่งแบบสอบถามไปยังโรงเรียนมัธยมปลายหลายแห่ง แต่ทำการสัมภาษณ์เฉพาะที่โรงเรียนยาดิ่งกับโรงเรียนเหวียนเหว ใช้กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชายจำนวน 76 คน (43%) นักเรียนหญิงอีก 96 คน (55.5%) ทั้งหมดอายุระหว่าง 17-18 ปี นักเรียนส่วนใหญ่คือ 94.2% อาศัยอยู่กับบิดามารดา
คำถามที่ใช้ในแบบสอบถามล้วนเป็นคำถามพื้นๆ ง่ายๆ เช่นว่า "ผู้หญิงให้กำเนิดทารกได้อย่างไร?"
มีนักเรียนของโรงเรียนทั้งสองแห่งจำนวน 40 คน (23.1%) คิดว่า “คนเราเกิดออกมาทางทวารหนัก” อีก 17 คน (9.8%) ตอบว่า "ไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้" และ มี 1 คนตอบว่า “ผู้หญิงคลอดทารกออกมาทางสะดือ”
เมื่อถูกถามว่าเพราะเหตุใดจึงคิดว่าผู้หญิงคลอดลูกออกมาทางทหารหนัก มีอยู่ 1 คนในจำนวน 40 คน ที่ตอบว่า.. "ไม่เชื่อว่าอวัยวะส่วนอื่นของผู้หญิงจะคลอดทารกตัวโตๆ ออกมาได้เพราะว่ามีขนาดเล็กเกินไป".. คนที่ให้คำตอบนี้เป็นนักเรียนชายโรงเรียนเหวียนเหว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟอง (Tien Phong) หรือ "นักบุกเบิก" มีนักเรียนคนหนึ่งที่ตอบคำถามอัตนัยอย่างจริงใจและอย่างซื่อสัตย์มาก
นักเรียนชายคนนั้นเขียนอธิบายว่า "เมื่อตอนที่ผมยังเล็ก คุณแม่เคยบอกว่าเด็กๆ เกิดมาจากใต้รักแร้ คุณแม่บอกว่าผมจะรู้เรื่องนี้เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ และผมก็ยังไม่รู้มาจนกระทั่งบัดนี้"-- เขาเป็นนักเรียนโรงเรียนเหวียนเหวอีกเช่นกัน
ขณะเดียวกันนักเรียนส่วนใหญ่ได้ตอบว่า ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด แต่มีนักเรียนหญิงรายหนึ่งตอบว่า เธอรู้จักยาเม็ดรับประทานกันการตั้งครรภ์แบบฉุกเฉิน ที่เรียกว่า after-sex pill หรือ morning-after pill แต่.. "หนูแต่ขอยืนยันว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มไม่มีใครทราบเรื่องนี้อย่างแน่นอน"
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผลการวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นการขาดการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษากับการเจริญพันธุ์ของมนุษย์ให้แก่เด็กๆ ขณะที่สังคมเวียดนามจะสอนเรื่องนี้ก็ตอนที่ลูกหลานจะแต่งการแต่งงานมีเหย้ามีเรือนเท่านั้น
คุณครูที่โรงเรียนมัธยมยาดิ่งยอมรับว่า มีการพูดถึงเรื่องนี้น้อยมากในชั้นเรียน ขณะที่สื่อก็ไม่ได้ทำหน้าที่นี้ ไม่ได้ให้ความรู้เรื่องเพศแก่เยาวชนอย่างถูกต้อง มีแต่โหมประโคมข่าวชู้สาว ส่วนสื่ออินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยภาพลามกอนาจารที่ไม่มีการอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจว่ามันคืออะไร
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังหาจุดลงตัวในเรื่องการสอนเพศศึกษาในโรงเรียนไม่ได้ หลายคนกล่าวว่าแม้ในโลกตะวันตกจะมีการสอนกันเป็นเรื่องเป็นราวมาร่วม 20 ปีแล้ว แต่สำหรับเวียดนามการสอนเรื่องนี้อาจจะยังเป็นเสมือนดาบสองคม
เด็กๆ ที่ตอบคำถามจำนวน 55% กล่าวว่าไม่เคยสอบถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จากร้านขายยา 45.1% กล่าวว่า ไม่เคยคิดจะไปหาความรู้เรื่องนี้จากศูนย์การแพทย์หรือโรงพยาบาลทั่วไป 35.8% กล่าวว่าไม่เคยถามคุณครูที่โรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้
มีอยู่ 34.2% บอกว่าไม่เคยถามพี่ชายหรือพี่สาวและไม่กล้าที่จะถาม อีก 26% ไม่คิดจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่
ขณะเดียวกัน นักเรียนหญิงกับนักเรียนชายจำนวน 54 คน จากทั้งหมด 172 คนกล่าวว่ามีแฟนแล้ว และคิดว่าจะเรียนรู้เกี่ยวกับความรักและการเจริญพันธุ์จากแฟนมากกว่า.