ยื้อมานานเวียดนามผุดไฟฟ้ากังหันลมแห่งแรก

กรุงเทพฯ-- ถึงแม้จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีก๊าซมากพอใช้ปั่นไฟได้ตลอดหลายสิบปีข้างหน้าแต่เวียดนามก็เริ่มผันตัวเองไปใช้พลังจากธรรมชาติที่สะอาดและไม่มีวันหมดในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ถ้าหากประสบความสำเร็จและพัฒนาได้เต็มรูปแบบก็จะเป็นการโครงการผลิตพลังงานทางเลือกที่ใหญ่โตที่สุดในเวียดนาม ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วในอัตราสูง ความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และ ยังไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ

เวียดนามได้ให้สัมปทาน แก่นักลงทุนจากสวิตเซอร์แลนด์รายหนึ่ง ในการผลิตไฟฟ้ากังหันลมที่เกาะกงด๋าว (Cain Dao) นอกชายฝั่ง จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria-Vung Tao) ทางภาคใต้ของประเทศ โดยจะจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ทางการภายใต้สัญญาแบบ BOT โดยทำสัญญาส่งมอบคืนในอีก 25 ปีข้างหน้า

นี่กำลังจะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากแรงลมแห่งแรกของประเทศ หลังจากที่ได้มีความพยายามมาหลายครั้งก่อนหน้านี้

โครงการดังกล่าวจะผลิตกระแสไฟฟ้าสนองความต้องการบนเกาะที่ใหญ่โตเป็นอันดับ 2 ของประเทศในเขตทะเลจีนใต้ ซึ่งในปัจจุบันได้เป็นปลายทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป

ไม่เพียงแต่โครงการ "ทุ่งกังหัน" จะผลิตไฟฟ้าสนองการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น หากยังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่มีความสวยงามอีกด้วย

ทางการ จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอโรยีพลัส (Aerogie Plus) หลังจากบริษัทนี้ได้ลงสำรวจความเป็นไปได้ถึงพื้นที่ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาและพบว่า มีพลังลมเหลือเฟือในการหมุนกังหันเพื่อปั่นไฟ

นายหว่างเหงียะดว่าน (Hoang Nhgia Doan) เลขาธิการพรรคสาขา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเขต อ.กงด๋าว เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทมส์ฉบับวันจันทร์ (9 ก.ค.)

ผู้เชี่ยวชาญของเอโรยีพลัส ยืนยันว่าเกาะกงด๋าวเป็นทำเลที่เหมาะที่สุดอีกแห่งหนึ่งในการผลิตพลังงานสะอาด ที่นั่นเป็นวนอุทยานแห่งชาติทางทะเล แต่โครงการไฟฟ้ากังหันลมจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อท้องถิ่น และในทางตรงข้ามกลับเป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อม กล่าวคือ กังหันลมจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศอย่างได้ผล

บริษัทสัญชาติสวิสแห่งนี้จะลงทุนในชั้นต้น 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการผลิตไฟฟ้ากังหันลมแห่งแรกของเวียดนาม โดยใช้ทำเลที่บริเวณแหลมจิมจิม (Chim Chim) หรือ "แหลมนก" เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชุดแรกจะขนาดติดตั้งเพียง 6-7.5 เมกะวัตต์ ผู้ลงทุนจะขยายการติดตั้งกังหันลมต่อไปยังแหลมก่าเหมิบ (Ca Map) หรือ "แหลมฉลาม" โดยจะมีกำลังติดตั้งอีก 9-12 เมกะวัตต์

ปัจจุบันประชากรเกาะกงด๋าวใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงปั่นไฟที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งสิ้นเปลืองมากและยังไม่เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม ขณะที่รัฐบาลได้พัฒนาเกาะให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และ อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้กระแสไฟฟ้าเริ่มขาดแคลน

เกาะกงด๋าวเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในทะเลจีนใต้ หาดทรายบนเกาะยังเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลนานาพันธุ์ เช่นเดียวกันกับเขตแนวปะการัง ซึ่งเป็นที่อาศัยและผสมพันธุ์ของฝูงปลาและสัตว์น้ำอีกนานาชนิด

เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสเคยใช้เกาะแห่งนี้คุมขังนักโทษการเมือง ที่นั่นอยู่ห่างจากเมืองหวุงเต่า ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดไปราว 175 กิโลเมตร และ ห่างจากนครโฮจิมินห์ราว 230 กม. มีเที่ยวบินของเวียดนามแอร์ไลน์สให้บริการทุกวัน

ปัจจุบันกงด๋าวได้เป็นปลายทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่ไปกับเรือสำราญ เช่นเดียวกันกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาความสงบจากธรรมชาติ ในท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม

กงด๋าวเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากฟุก๊วก (Phu Quoc) ที่อยู่ในเขตอ่าวไทย ซึ่งกำลังพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อีกแห่งหนึ่ง

กงด๋าวมีประชากรราว 5,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง และเริ่มมีอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปเกิดขึ้น ทำให้ความต้องการกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงปีหลัง

ทางการมีแผนที่จะสร้างโรงงานไฟฟ้ากังหันก๊าซ 1 แห่ง กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากถ่านหินอีก 1 แห่ง แต่ถ้าหากโครงการผลิตพลังงานสะอาดช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าได้ ก็อาจจะล้มเลิกโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลทั้งสองแห่งไป ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนหย่ายฝง (Saigon Giai Phong) หรือ "ไซ่ง่อนปลดปล่อย"

เวียดนามได้ศึกษาโครงการผลิตพลังงานสะอาดมานานหลายปี และ ได้เคยทดลองติดตั้งกังหันปั่นไฟขึ้นในเขตภาคกลางตอนล่างของประเทศ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือพายุลมแรงที่พัดกระหน่ำเข้าหาฝั่งปีละหลายลูก

สื่อของทางการไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว รวมทั้งจำนวนกังหันลมที่จะติดตั้ง การติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้า และ ราคาที่จำหน่าย ตลอดจนการบริหารจัดการสภาพแวดล้อม แต่กล่าวว่าโครงการไฟฟ้ากังหันลมเกาะกงด๋าว จะเป็นแบบอย่างของโครงการในแหล่งอื่นๆ ด้วย

สื่อของทางการรายงานในปี 2548 ว่า บริษัทเอกชนจากสวีเดนแห่งหนึ่งได้เสนอเข้าลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้ากังหันลมที่ จ.บิ่งดิง (Binh Dinh) ในภาคกลางตอนล่างของประเทศ โครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สื่อของทางการอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่ง ที่ระบุว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแรงลมเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Vestas ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตกังหันลมเพื่อปั่นไฟฟ้าโดยเฉพาะ และ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาแห่งเดนมาร์ก (Danida)

แต่ก็ไม่มีรายงานความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับโครงการนี้อีก นับแต่นั้นเป็นต้นมา.