กรุงเทพฯ-- เวียดนาม-สหรัฐฯ เริ่มความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในด้านเศรษฐกิจกิจการค้าและการลงทุน ประเดิมด้วยซิติกรู๊ป (Citigroup) กลุ่มเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งได้ปล่อยกู้ให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 3 แห่งในเวียดนามกว่า 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปขยายกิจการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
การเซ็นสัญญากู้มีขึ้นในวันอังคาร (19 มิ.ย.) ระหว่างการเยือนนครนิวยอร์กของประธานาธิบดีเวียดนาม เหวียนมิงเจี๊ยต (Nguyen Minh Triet) ซึ่งก่อนหน้านั้นในวันจันทร์ ได้ไปเยี่ยมชมกิจการของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ผู้นำเวียดนามได้เป็นสักขีพยานการเซ็นสัญญาความตกลงความร่วมมือระหว่างศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์กับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก หรือ NYSE (New York Stock Exchange) ด้วย
ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย.2548 อดีตนายกรัฐมนตรีเวียดนามฟานวันข่าย (Phan Van Khai) ก็ได้ไปเยี่ยมชมกิจการของ NYSE ด้วยเช่นเดียวกัน
ปธน.เวียดนามได้เป็นสักขีพยานการเซ็นสัญญาเงินกู้ระหว่างซิติกรู๊ปกับรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเวียดนาม หรือ EVN (Electricity of Vietnam) บรรษัทขนส่งสินค้าทางเรือเวียดนามหรือ Vinalines (Vietnam Shipping Lines) กับ กลุ่มเหมืองแร่และถ่านหิน หรือ Vinacomin (Vietnam Coal and Mineral Group)
ทั้งสามแห่งล้วนเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่และมีทรัพย์สินมหาศาล แต่กำลังปรับตัวเข้ากับการแข่งขันในยุคใหม่หลังจากประเทศได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก
ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม Vinalinesได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับแผนการลงทุนขยายกองเรือขนส่งสินค้าขึ้นเป็น 2 เท่า และ ขยายท่าเรืออีกหลายแห่ง ภายใต้แผนพัฒนาจนถึงปี 2553
ส่วนความร่วมมือระหว่าง Citigroup กับ EVN นั้นครอบคลุมเนื้อหาที่กว้างขวางยิ่งกว่า หลังจากรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าเวียดนามได้กระโจนเข้าลงทุนด้านโทรคมนาคมเมื่อต้นปีนี้
ซิติกรู๊ปจะเป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินค่าไฟฟ้าและค่าบริการด้านโทรคมนาคมของ EVN โดยผ่านเครือข่ายของซิติแบงก์ในเวียดนาม
ความร่วมมือของ Citigroup ยังขยายไปสู่ด้านการแลกเปลี่ยนเงินตรา การบริหารเงินทุน และ บริหารความเสี่ยงของ EVN ตลอดจนการดูแลเงินฝากและบริการด้านค่าบริการต่างๆ ด้วย
สำหรับ Vinacominได้เลือกซิติกรู๊ปเป็นทั้งที่ปรึกษาและอันเดอร์ไร้เตอร์ ในแผนการออกตราสารครั้งแรก ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายปีนี้
ความสัมพันธ์ด้านการเงินระหว่างรัฐวิสาหกิจใหญ่ในเวียดนามกับกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ได้พัฒนาเติบใหญ่หลังจากบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ 2 แห่งเข้าไปลงทุนในเวียดนาม เพื่อผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้ EVN
กลุ่ม AES จากนิวยอร์กกับ Vinacomin ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนและขออนุมัติแผนการลงทุน 4,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหินจำนวน 2 แห่ง
อย่างไรก็ตาม การเซ็นข้อตกลงเงินกู้และความร่วมมือระหว่างรัฐวิสาหกิจทั้ง 3 แห่งกับ Citigroup เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ระหว่างการเยือนของประธานาธิบดีเวียดนาม กำลังจะมีการเซ็นความตกลง สัญญา และ บันทึกช่วยความจำ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ระหว่างสองฝ่าย ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ารวมถึง 4,500 ล้านดอลลาร์
คาดกันว่า สายการบินเวียดนามกำลังจะเซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 787 จากบริษัทโบอิ้งอีก 4 ลำ หลังจากสั่งซื้อจำนวน 4 ลำเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ยังได้อนุมัติให้การบินเวียดนามซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER หรือ โบอิ้ง 777-300 อีก 1 ฝูง
อย่างไรก็ตามประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า การเซ็นซื้อเครื่องบินจะมีขึ้นได้หรือไม่ จะขึ้นอยู่กับผลการเจรจาต่อรองกับบริษัทโบอิ้ง ที่กำลังดำเนินอยู่
ในวันที่ 19 มิ.ย.เช่นเดียวกัน ปธน.เวียดนาม ได้ต้อนรับการเข้าเยี่ยมของตัวแทนจากมูลนิธิฟอร์ด และ พบกับตัวแทนชาวเวียดนามโพ้นทะเลจากประเทศแคนาดา
ในวันเดียวกันได้มีการจัดประชุมสัมมนาด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ-เวียดนาม ขึ้นในนิวยอร์ก และ ในตอนบ่ายนายเจี๊ยตได้พบหารือกับนายบันคีมูน (Ban Ki Moon) เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ
เวียดนามกำลังรณรงค์หาเสียงสนับสนุนเพื่อจะเข้าเป็นสมาชิกประเภทหมุนเวียน ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปีหน้านี้
ประธานาธิบดีเวียดนามยังได้พบกับประชาคมผู้บริหารบริษัทการเงินขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก รวมทั้งตัวแทนของสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปกับเครื่องนุ่งห่มในสหรัฐฯ ด้วย
บริษัทในเครือข่ายของสมาคมดังกล่าวกำลังวิตกว่า เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากเวียดนามกำลังจะเข้าตีตลาดเสื้อผ้าที่ผลิตในสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีเจี๊ยต เป็นประมุขแห่งรัฐคนแรกจากเวียดนามที่ไปเยือนสหรัฐฯ นับตั้งแต่สงครามได้สิ้นสุดลงเมื่อ 32 ปีก่อน การเยือนได้รับความสนใจจากสื่อและประชาคมธุรกิจในสหรัฐฯ อย่างมาก
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้ใช้เนื้อที่ครึ่งหน้ากระดาษตีพิมพ์จดหมายของประธานกลุ่มบริษัทชั้นนำ 10 แห่ง ที่ยกย่องการเยือนว่าเป็นขีดหมายใหม่ในการกระชับความสัมพันธ์-ความร่วมมือเวียดนาม-สหรัฐฯ
กลุ่มบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ ได้ยกย่องการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามและการนำประเทศเข้าเป็นสมาชิก WTO ตลอดจนการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประชาคมเศรษฐกิจนานาชาติ และ เป็นหุ้นส่วนประชาคมการค้าโลก
สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นได้ติดตามรายงานข่าวการเยือนนครนิวยอร์กของ ปธน.เวียดนามอยู่เป็นระยะ รวมทั้งได้นำเสนอรายงานพิเศษชุด Vietnam: A New Horizon เน้นให้เห็นผลสำเร็จของนโยบาย "เปลี่ยนแปลงใหม่" (Doi Moi) ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามประกาศใช้ 21 ปีก่อน
ประธานาธิบดีเวียดนามจะอยู่เยือนนครนิวยอร์กจนถึงวันที่ 22 มิ.ย. ก่อนจะเดินทางไปต่อไปยังกรุงวอชิงตันดีซี เพื่อหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ในวันศุกร์.