xs
xsm
sm
md
lg

กาแฟลาวรสละมุนหอมกรุ่นข้ามแดนสู่ตลาดไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#663399> ภาพถ่ายวันที่ 26 พ.ค.2550 สามี-ภรรยาคู่นี้ให้ความสนใจกาแฟที่ร้านดาวเฮือง ในงาน THAIFEX-Asia World of Food 2006 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการอิมแพ็คท์ เมืองทองธานี <FONT></CENTER>

ผู้จัดการรายวัน-- ผู้ผลิตกาแฟใน สปป.ลาว มีความหวังเรืองรองที่จะขยายส่วนแบ่งตลาดกาแฟสดในประเทศไทย ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปีใกล้ๆ นี้ ด้วยความมั่นใจว่ากาแฟคุณภาพดีจากที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven) จะได้รับความสนใจจากคอกาแฟที่นี่มากยิ่งขึ้น

ด้วยภาษีขาเข้าเพียง 5% ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ทำให้กาแฟคุณภาพดีจากไร่เมืองปากซอง (Pakxong) สามารถแข่งขันราคาในตลาดไทยได้ เหมาะเจาะกับตลาดกาแฟสดกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว นายสีสะหนุก สีสมบัด (Sisanouk Sisombat) ประธานสมาคมกาแฟลาว กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ทางโทรศัพท์จากนครหลวงเวียงจันทน์

"ต่างจากปีก่อนๆ ที่ผมไปร่วมงาน ThaiFex ทุกครั้ง ปีนี้มีแต่คนถามหากาแฟสด คือเมล็ดกาแฟคั่ว เกือบจะไม่มีใครถามถึงกาแฟอินสแตนท์ (กาแฟสำหรับชงละลายน้ำ) แสดงว่าคนไทยเปลี่ยนความนิยมการดื่มกาแฟอย่างเห็นได้ชัด" นายสีสะหนุกกล่าว

ไม่ต่างไปจากกาแฟดาวเฮือง (Dao Heuang) ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดและเป็นเจ้าตลาดการแฟชงละลายน้ำในลาว ซึ่งในปีนี้ได้ส่งเมล็ดกาแฟคั่วเข้าร่วมงาน ThaiFex หลากรสยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งกาแฟทีพิกา (Tipika) หรือ "กาแฟน้อย" ที่ถูกนำออกแนะนำในตลาดเป็นครั้งแรก

ผู้ผลิตกาแฟในลาวทุกรายกำลังหันมาผลิตเมล็ดกาแฟคั่ว ทั้งจำหน่ายในประเทศและสนองความต้องการของตลาดประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย นายสีสะหนุกกล่าว

"กาแฟลาวได้เข้าในการพัฒนาตลาดกาแฟในไทย เมื่อก่อนคนไทยดื่มแต่กาแฟสำเร็จรูป..เมื่อก่อนดื่มแบบราคาถูก.. ต่อมาก็ดื่มพวกโกลด์ที่ราคาแพงกว่าเท่าตัว ต่อมาก็ทรีอินวันตามซูเปอร์มาเก็ต แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป มีกาแฟสดแทบทุกมุมถนน.." นายสีสะหนุกกล่าว

"งานไทยเฟ็กซ์ปีก่อนๆ ใครๆ ก็ถามหาแต่อินสแตนซ์ ปีนี้ไม่มี มันแปลก.. ปีนี้รายใหญ่กาแฟสดของไทยมาที่นี่หมด.. อาโรมา วีพีพี ดอยตุง อะไรต่างๆ อยู่นี่หมด.. พวกอินสแตนซ์ เนสกาแฟไม่มา เขาช่องมาแต่เปิดคูหาเล็ก..”

“ตลาดไทยเองได้พัฒนามาหากาแฟสด สตาร์บั๊คมาปีแรก ตอนนี้มีแต่ร้านใหญ่มีชื่อเสียง (ของไทย) คอฟฟี่เวิลด์ แบล๊กแคนย่อน อาโรมา หรือ ซูซูกิ.. ตอนนี้ มันเป็นบูธ เป็นคิออสท์ กระจายไปทั่วประเทศ.. คนไทยรู้จักดื่มเอสเปรสโซ่ กัปปุกชิโน ลาเต้.. เมื่อก่อนดื่มแต่อิสแตนซ์..." ประธานสมาคมกาแฟลาวกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดกาแฟปีนี้

กาแฟลาวเริ่มเข้าสู่ตลาดไทยอย่างเป็นระบบเมื่อต้นปีนี้ หลังจากรัฐบาลไทยได้เริ่มลดภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟคั่วเหลือเพียง 5% แต่ยังคงเก็บในอัตรา 40% สำหรับเมล็ดกาแฟดิบ

"เดือนๆ ขายได้ตันหนึ่งก็ดีใจมากแล้ว ปีหนึ่งก็ 10 ตัน มันจะต้องผ่านตัวเลข 10 ตันเสียก่อนจึงจะเป็น 100 ตัน..กาแฟลาวมีอนาคตอยู่ในไทย" ประธานสมาคมกาแฟลาวซึ่งเป็นเจ้าของและประธานบริษัทสีหนุกกาแฟลาวจำกัด (Sinouk Cafe Lao Ltd) กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ในงาน ThaiFex

นายสีสะหนุกกล่าวว่า บริษัทฯ ได้เน้นตลาดกาแฟคั่วระดับสูง (Gourmet) มากกว่า กาแฟชงละลายน้ำ ผลิตเมล็ดกาแฟคั่วหลายรส เพื่อทำตลาดเอง รวมทั้งส่งให้เอเย่นต์จำหน่ายในประเทศไทย

กาแฟดาวเฮือง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในงาน Royal Flora Ratchapruck 2006 ที่ จ.เชียงใหม่ ได้เปิดร้านกาแฟภายใต้เครื่องหมายการค้า Dao Coffee มาตั้งแต่นั้น

กาแฟสีหนุกตามไปติดๆ เปิดเป็นคิออสค์ (Kiosk) กาแฟภายใต้แบรนด์ Sinouk Cafe Lao ซึ่งในปัจจุบันมีถึง 3 แห่งใน เมืองเชียงใหม่

"อยู่เชียงใหม่มีกาแฟสดทุกมุม.. เราขายได้เพราะเป็นกาแฟลาว เขารู้จักเพราะกาแฟเรามีคุณภาพ ใครมาก็บอกว่าดี.." นายสีสะหนุกกล่าว

บริษัทสีหนุกกาแฟลาวไม่ส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ แต่เน้นการส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว จำหน่ายเอง เป็นบริการครบวงจรภายใต้สโลแกน “จากไร่ของเรา ถึงถ้วยของท่าน”

กาแฟสีหนุกอยู่ระหว่างดำเนินการขอใบรับรองผลิตภัณฑ์ออร์กานิคส์ เพื่อยืนยันการเป็นกาแฟที่ปลูกโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีใดๆ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างกว้างขวาง จำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น ทั้งในญี่ปุ่น สหรัฐฯ และ อียู

ปัจจุบันกาแฟจากเมืองปากซองของลาว เป็นที่รู้กันอย่างดีในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และโปแลนด์ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด นายสีสะหนุกกล่าว

ต่างไปจากบริษัทดาวเฮืองเทรดดิ้ง (Dao-Heuang Trading Co) ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเนื้อที่ปลูกกว่า 250 เฮกตาร์ (1,560 ไร่เศษ) กับเกษตรในเครือข่ายอีกจำนวนมาก
<CENTER><FONT color=#663399> คูหาของ Cafe Sinouk มองเห็นแต่ไกลในงานเดียวกัน ปัจจุบันทั้งดาวเฮืองและสีหนุกได้เปิดมุมกาแฟขึ้นที่เชียงใหม่ โดยใช้แบรนด์กาแฟชื่อดังของลาว  <FONT></CENTER>
ดาวเฮืองส่งออกเมล็ดกาแฟโรบัสต้า (Robusta) กับ อะราบิก้ารวมกันปีละ 10,000-20,000 ตัน นายสุลิพน สีหะลาด ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกาแฟดาวเฮือง เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ทางโทรศัพท์จากเวียงจันทน์

ลาวยังไม่สามารถผลิตกาแฟได้ไม่พอกับความต้องการของตลาดโลก เนื่องจากผลผลิตในแต่ละปีมีจำกัด ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอะราบิก้ายังมีสัดส่วนน้อย เมื่อเทียบกับโรบัสต้า

ปัจจุบันสีสะหนุกกาแฟลาว มีเนื้อที่ปลูกอยู่ประมาณ 300 ไร่ รวมกับเกษตรกรในเครือข่ายอีกจำนวนเท่าๆ กัน ผลิตรวมกันได้ 30-40 ตันต่อปี โดยเน้นไปที่พันธุ์อะราบิก้า นายสีสะหนุกกล่าว

รัฐบาลลาวมีนโยบายขยายพื้นที่ปลูกกาแฟในเขตที่ราบสูงโบโลเวน (Boloven) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 แขวง คือ จำปาสัก สาละวัน และ อัตตะปือ แต่ยังติดขัดด้วยหลายปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ขาดแคลนแรงงานในฤดูเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ

ประธานสมาคมกาแฟลาวคาดว่าปี 2550 นี้ จะผลิตเมล็ดกาแฟดิบได้ทั้งหมดราว 20,000 ตัน เป็นโรบัสต้า 17,000 ตัน และ อะราบิก้า 3,000 ตัน ปี 2549 ผลิตได้เพียง 8,000 ตัน นับเป็นปีที่ผลผลิตตกต่ำที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นจัดดอกกาแฟไม่สามารถออกเมล็ดได้

ปี 2548 ลาวผลิตกาแฟได้ 12,000 ตัน จากที่เคยผลิตได้สูงสุด 23,000 ตัน เมื่อปี 2547 นายสีสะหนุกกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น