xs
xsm
sm
md
lg

โรงพยาบาลไทย vs สิงคโปร์ แข่งเดือดในพม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



กรุงเทพฯ— โรงพยาบาลชั้นนำจากประเทศไทย และสิงคโปร์ กำลังแข่งขันกันชิงผู้ป่วยเกรดเอในพม่าอย่างติดพัน หลังจากพบว่าคนไข้กลุ่มที่มีรายได้สูงในประเทศนี้ ต้องการเดินทางไปรักษาพยาบาลในต่างแดนมากยิ่งขึ้น

ความขาดแคลนเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ที่มีคุณภาพในประเทศได้เปิดช่องทางให้ โรงพยาบาลจากต่างประเทศเข้าทำธุรกิจทางการแพทย์ในพม่าอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และกำลังไปได้ดีมาก

โรงพยาบาลสิงคโปร์ ถึงแม้จะเข้าสู่ตลาดพม่าหลังโรงพยาบาลของไทย แต่ก็ได้รับกำลังใจสำคัญ เนื่องจากบรรดาคนไข้ที่เดินทางไปรักษา หรือตรวจสุขภาพในช่วงต้นปีนี้ ยังรวมทั้ง พล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย (Than Shwe) ผู้นำสูงสุด กับ พล.อ.โซวิน (Soe Win) นายกรัฐมนตรีพม่าด้วย

ตามรายงานของนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ “เมียนมาร์ไทมส์” (Myanmar Times) ฉบับที่กำลังวางแผงอยู่ในปัจจุบัน โรงพยาบาลจากประเทศเพื่อนบ้านเริ่มเปิดสำนักงานข้อมูลขึ้นในกรุงย่างกุ้ง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ปัจจุบันได้ขยายกิจการนี้เข้าเมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสอง ทางภาคเหนือของประเทศ

การขยายบริการของโรงพยาบาลจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงความต้องการของชาวพม่ากลุ่มที่ต้องการเดินทางรักษาพยาบาล หรือตรวจสุขภาพในต่างแดนที่มีอุปกรณ์ทันสมัยนั้น มีเพิ่มจำนวนมากขึ้น

โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ได้เป็นแห่งแรกที่ไปเปิดศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับบริการขึ้นในมัณฑะเลย์ เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก็ตามเข้าไปอีกแห่ง โดยร่วมกันว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านบริการผู้ป่วยนอก คอยให้คำแนะนำแก่ชาวพม่าที่กำลังมองหาลู่ทางไปรักษาในต่างประเทศ

ในเดือน ม.ค.ปีนี้ โรงพยาบาล National University Hospital จากสิงคโปร์ กับโรงพยาบาล ตันต๊อกเส็ง (Tan Tok Seng) จากสิงคโปร์ ก็ได้ตามไปเปิดสำนักงานในมัณฑะเลย์ อีกแห่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นพ.มินเต๊ดซอ (Min Htet Zaw) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของโรงพยาบาลสิงคโปร์ทั้งสองแห่ง กล่าวว่า การที่มีชาวพม่าเดินทางไปรักษาในต่างแดนมากขึ้น ไม่ได้แปลว่า หมอในต่างประเทศเก่งกว่าหมอพม่า แต่ในสิงคโปร์นั้นมีเครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งอาคารสถานที่ที่ทันสมัย บางครั้งโรงพยาบาลในพม่าก็จึงต้องส่งผู้ป่วยไปยังสิงคโปร์ตามความต้องการ

โรงพยาบาลจากสิงคโปร์ ประสบความสำเร็จพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง National University Hospital ได้ให้บริการแก่คนไข้สำคัญมากรายหนึ่ง พลเอกอาวุโส ตานฉ่วย เดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2549 และพักอยู่ในสิงคโปร์นานถึง 6 สัปดาห์

ไม่มีการแถลงรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับอาการของ พล.อ.ตานฉ่วย มีเพียงคำแถลงสั้นๆ จากทางการว่าผู้นำสูงสุดมีสุขภาพที่ดี และไปตรวจเช็กร่างกายปกติเท่านั้น

พล.อ.โซวิน นายกรัฐมนตรีพม่า ก็เพิ่งเดินทางกลับจากการไปรักษาในสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และพำนักที่นั่นนานถึง 3 สัปดาห์ ทางการไม่ได้ออกแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการล้มป่วยของนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้นำชาวพม่าพลัดถิ่นในกรุงเทพฯ กล่าวว่า ผู้นำอาจจะไม่สบายเนื่องจากโลหิตขาวเป็นพิษ หรือ ลูคิเมีย (Leukemia)

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลของไทยเองก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย พญ.หมีหมีตเว่ (Mee Mee Htwe) ผู้แทนของ รพ.บำรุงราษฎร์ ในมัณฑะเลย์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนมานี้ได้ส่งคนป่วยไปรับการรักษาในกรุงเทพฯ จำนวน 15 รายแล้ว

นิตยสารข่าวฉบับเดียวกันนี้ รายงานว่า โรงพยาบาลจากต่างประเทศได้โฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการให้บริการในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ จนถึงการจัดประชุมสัมมนาบรรดานายแพทย์ในพม่า ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งผู้ป่วยที่ต้องการรักษาเป็นพิเศษในกรณีต่างๆ

ที่ศูนย์ข้อมูลของโรงพยาบาลต่างประเทศ ทั้งในกรุงย่างกุ้ง และที่เมืองมัณฑะเลย์ จะให้รายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่อัตราค่ารักษาพยาบาลของแต่ละแห่ง การนัดหมายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การขอบันทึกประวัติการรักษาพยาบาล กระทั่งการเตรียมเที่ยวบินและการขอวีซ่า ด้วย

รัฐบาลไทยได้รณรงค์และเชื้อเชิญชาวต่างชาติเข้าไปใช้บริการทางการแพทย์ โดยกล่าวว่า โรงพยาบาลในประเทศไทยมีเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไม่แพ้ในประเทศอื่น แต่ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยนั้นต่ำกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม อัตราค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างประเทศนั้น จะแตกต่างกันอย่างมากมายขึ้นอยู่กับความต้องการในการดูแลและการรักษา ตลอดจนระยะเวลาที่ต้องพำนักในต่างแดนของคนไข้ เมียนมาร์ไทมส์ กล่าว

“การจะอยู่เป็นเวลานานเท่าไรย่อมขึ้นอยู่กับการรักษาด้วย การผ่าตัดบางอย่างเสร็จในเวลาแค่วันเดียว แต่การผ่าตัดตับอาจจะใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนในโรงพยาบาล รวมทั้งห้าวันในห้องอีซียูด้วย” นพ.เต๊ดซอ กล่าว

ผู้แทนของโรงพยาบาลสิงคโปร์ กล่าวอีกว่า คนไข้ส่วนใหญ่เลือกที่จะพักตามโรงแรมต่างๆ นอกเสียจากว่าจะมีความจำเป็นจึงจะพักในโรงพยาบาล เพราะการพักข้างนอกนั้นถูกกว่ากันมาก

นอกจากโรงพยาบาลต่างประเทศจะเข้าไปเปิดสำนักงานให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการแล้ว บางแห่งได้เข้าทำธุรกิจในพม่าโดยตรงในรูปแบบการร่วมทุนและร่วมมือกับโรงพยาบาล หรือศูนย์การแพทย์ในท้องถิ่น

ตามรายงานของนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันของรัฐบาล โรงพยาบาลพญาไทจากกรุงเทพฯ เป็นอีกแห่งหนึ่งได้เข้าทำธุรกิจในพม่าเมื่อปีที่แล้ว

เมื่อเดือน ต.ค.2549 โรงพยาบาลของไทยแห่งนี้ได้เซ็นสัญญากับศูนย์การแพทย์นานาชาติหันตาวดีพาเลซ (Hanthawaddy Palace International Health Care Services) ในกรุงย่างกุ้ง จัดตั้งโรงพยาบาลให้คำปรึกษาและพยาบาลผู้ป่วยขึ้น

ปัจจุบันการเดินทางมารับการรักษาในประเทศไทย มีความสะดวกสบายมาก เนื่องจากมีเที่ยวบินต่างๆ บินเชื่อมพม่า-ไทย หลายสาย รวมทั้งการบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ที่เปิดบินประจำวันละ 2 เที่ยว และสายการบินราคาถูก คือ ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเปิดบินเข้ากรุงย่างกุ้งในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น