xs
xsm
sm
md
lg

“นิกสัน-คิสซินเจอร์” รู้ตลอด..แพ้แน่ๆ ศึกเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



มีการเปิดเผยเอกสารหลักฐานใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) กับ นายเฮ็นรี คิสซินเจอร์ (Henry Kissinger) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในยุคโน้น รู้ตัวดีตลอดเวลา ว่า สงครามในเวียดนามเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ไม่มีทางจะชนะ

ประวัติศาสตร์ 30-40 ปีก่อน กำลังได้รับความสนใจอีกครั้ง ขณะที่รัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W Bush) กำลังถูกกดดันจากรัฐสภาสหรัฐฯ ให้ต้องถอนทหารออกจากอิรักในปีหน้า และเดือน เม.ย.นี้ก็กำลังจะเป็นครบรอบปีที่ 32 การสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าชะตากรรมของกองทัพสหรัฐฯ ในอิรักก็ไม่น่าจะต่างกัน

นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ กระทั่งนักการทหารหลายต่อหลายคนเริ่มมองเห็นอนาคตแล้วว่า หลังจากเวลาได้ผ่านไป 4-5 ปี สงครามในอิรักก็เป็นเช่นสงครามเวียดนามในอดีต คือ สหรัฐฯ ไม่มีทางเอาชนะ!

นายคิสซินเจอร์ ยังเคยพูดถึง นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช (George H W Bush) เมื่อครั้งเป็นเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติว่า เป็น “ไอ้โง่” บันทึกชิ้นหนึ่งระบุ

นายบุช ผู้นี้ก็คือ “บุช” คนเดียวกันกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นบิดาของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

เรื่องราวเหล่านี้ถูกเปิดเผยในหนังสือชื่อ Nixon and Kissinger: Partners in Power ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ นายโรเบิร์ต ดัลเล็ค (Robert Dallek) ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เดลีนิวส์ ในนครนิวยอร์ก ฉบับวันอังคาร (3 เม.ย.) นี้

หนังสือได้อ้างบันทึกหลายต่อหลายตอน บทสนทนาระหว่างอดีตประธานาธิบดี นิกสัน กับ นายคิสซินเจอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกเก็บในคลังเอกสารลับของรัฐบาล

นักประวัติศาสตร์ผู้นี้ได้อ้างบทสนทนาฉบับหนึ่ง ซึ่งนายคิสซินเจอร์ กับนายนิกสัน เห็นพ้องกันว่า “สงครามเวียดนามไม่อาจจะเอาชนะได้”

“ในกรุงไซ่ง่อน (นครโฮจิมินห์ในปัจจุบัน) มีแนมโน้มว่าพวกเขาพร้อมทำสงครามจนได้รับชัยชนะ.. แต่คุณกับผมรู้ดีว่า มันเป็นไปไม่ได้” ประธานาธิบดี นิกสัน กล่าวกับนายคิสซินเจอร์ ในบทบันทึกการสนทนาฉบับหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2512 หรือ 6 ปีก่อนที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์จะสามารถบุกเข้ายึดกรุงไซ่ง่อนได้ และสงครามเวียดนามยุติลงในปี 2518

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสงครามจะไม่สามารถเอาชนะได้ นายนิกสัน กับ นายคิสซินเจอร์ แห่งพรรครีพับลิกัน ก็ได้เห็นพ้องกันที่จะประณามพรรคเดโมแครต ว่าเป็น “พรรคของพวกขี้แพ้” (the party of surrenderers) หลังจากฝ่ายโน้นได้เรียกร้องและรณรงค์ให้ถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากสงครามเวียดนาม

ในปัจจุบันพรรคเดโมแครตที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐฯ ก็กำลังรณรงค์กดดันให้ประธานาธิบดีบุช แห่งพรรครีพับลิกัน ถอนตัวออกจากสงครามในอิรัก และทำเนียบขาวก็ทราบดีว่าแม้จะคงทหารเอาไว้อีก 10 หรือ 20 ปี ก็ไม่มีทางทำให้สถานการณ์สงครามกลางเมืองในประเทศนี้ยุติลงได้

ได้มีการตีพิมพ์เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ในนิตยสาร Vanity Fair ฉบับที่กำลังจะออกวางแผงเดือน พ.ค.นี้

สถานการณ์สงครามเวียดนามเมื่อ 30-40 ปีก่อน กับ สงครามในอิรักที่สหรัฐฯ เป็นหัวหอกในช่วง 4 ปีมานี้ กำลังถูกนำมาเปรียบเทียบกัน อย่างแยกไม่ออก

บทคัดย่อของบันทึกที่รวบรวมจากไดอารี เทปอัดเสียง ตลอดจนต้นฉบับปาฐกถาต่างๆ ได้เปิดให้เห็นการอยู่ร่วมกันแบบกระท่อนกระแท่น ระหว่าง รมว.ต่างประเทศ กับประธานาธิบดีในช่วงสงครามเวียดนาม

ในปี 2514 นายคิสซินเจอร์ ได้พาดพิงถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น คือ นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ว่า “an idiot” และ เมื่อประธานาธิบดีนิกสัน ได้ยินเรื่องนี้ก็เปรยๆ กับผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง ว่า นายคิสซินเจอร์ กำลังต้องการความช่วยเหลือ “เยียวยาทางจิต”

มีอยู่หลายโอกาสที่ นายคิสซินเจอร์ พยายามกีดกันมิให้ประธานาธิบดีได้ตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากเกรงว่า ประธานาธิบดีอาจจะกำลังเมาอยู่

มีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษกำลังอยู่ในสาย ขอพูดกับประธานาธิบดีนิกสัน นายคิสซินเจอร์กล่าวว่า “บอกเขาว่าไม่อยู่ดีมั้ย..”

“ผมคุยกับท่าน (ปธน.นิกสัน) เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านยังเพียบอยู่” บันทึกฉบับหนึ่งได้เปิดเผยคำกล่าวของ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ที่เคยได้รับฉายาว่า “นักการทูตลิ้นทอง”




กองทัพอันเกรียงไกรของสหรัฐฯ ถูกกองโจรฝ่ายเวียดกง กับทหารเวียดนามเหนือ รุกไล่สหรัฐฯ ขณะที่ในประเทศก็เกิดการประท้วงสงครามเวียดนามอย่างกว้างขวาง รัฐสภากดดันให้ประธานาธิบดีนิกสัน เร่งถอนทหาร และเกิดกรณีวอเตอร์เกตส์ในปี 2516 ทำให้ประธานาธิบดีนิกสัน ถูกกดดันให้ลาออก

ประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด ได้รับเลือกขึ้นบริหารประเทศต่อ แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อีกแล้วนอกจากเร่งถอนทัพออกจากเวียดนาม.. และจากประเทศไทยด้วย

ฝ่ายเวียดนาม-เวียดนามเหนือ เคลื่อนกำลังเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไซ่ง่อนได้ในวันที่ 30 เม.ย.2518 นั้นคือ การประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาด อดีตประธานโฮจิมินห์ถึงแก่อสัญกรรมไปหลายปีก่อนที่ประเทศชาติจะได้รับชัยชนะในสงครามกับสหรัฐฯ

คอมมิวนิสต์เวียดนามประกาศรวมเหนือและใต้ เข้าเป็นประเทศเดียวกันในอีก 1 ปีถัดมา เป็นประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมมาจนถึงปัจจุบัน...

อะไรกำลังจะเกิดขึ้นในอิรัก หลังจากจากสหรัฐฯ ถอนทหาร?
กำลังโหลดความคิดเห็น