xs
xsm
sm
md
lg

ทำเป็นเล่น..“ดร.ฮุนเซน” รับ Ph.D.ใบที่ 10 หมาดๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#3366ff>  พิธีจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ นางฮุน บุน รานี ภริยายิ้มกริ่มอยู่ใกล้ๆ มันเป็นช่วงเวลานาทีที่ต้องภาคภูมิใจ </FONT></CENTER>

ทำเป็นเล่นไป นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุนเซน เพิ่งจะเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์อีก 1 ใบ ในสัปดาห์นี้ เป็นใบที่ 10 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีอยู่ 1 ใบที่ยังเป็นปัญหา ว่า.. มันเป็นใบประกาศเกียรติคุณระดับดอกเตอร์ หรือเป็นแค่เศษกระดาษ

ไม่ว่าใครจะพูดอะไรให้เป็นที่รำคาญ ผู้นำของกัมพูชาไม่ใส่ใจ เพราะว่าดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่ได้รับนั้น มีทั้งจากสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ ในเอเชีย แม้กระทั่งในยุโรป

ทั้งหมดนี้ได้มาจากพรสวรรค์ที่เป็นพิเศษ กับความสามารถ และประสบการณ์ที่โชกโชนเฉพาะตัว

ปริญญาดุษฎีบัณฑิต Ph.D.(Philosophy Doctorate) ที่ได้รับส่วนใหญ่จะเป็นด้านรัฐศาสตร์ (Political Science) จำนวนหนึ่งเป็นสาขานิติศาสตร์ (Law) แต่ในนั้นมี Ph.D.จำนวน 2 ใบ เป็นสาขาการศึกษา (Education) ซึ่งได้รับจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย กับ มหาวิทยาลัยในเวียดนาม

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตด้านการศึกษา (Ph.D.in Education) จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงฮานอย (National University of Hanoi) ในวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา อันเป็น Ph.D.ใบที่ 10 ในช่วงหลายปีมานี้ และเป็นใบที่ 2 ที่ได้รับจากสถาบันอุดมศึกษาเวียดนาม

ลงในรายละเอียดสักนิด.. สถาบันที่มอบปริญญาเอกใบนี้ คือ วิทยาลัยการฝึกอบรมครูแห่งเวียดนาม (Teacher Training College of Vietnam) ซึ่งเป็นสถาบันหนึ่งภายใต้มหาวิทยาลัยแห่งชาติ

แต่ที่หลายคนในกัมพูชารู้สึกกระอักกระอ่วนนั้น คือ ผู้ไปเป็นประธานในพิธีมอบที่เป็นระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ นายเจิ่นวันญุง (Tran Van Nhung) เรื่องนี้ก็เลยตกเป็นขี้ปากของสื่อในกัมพูชาอยู่หลายวัน

คอลัมนิสต์ทั้งหลายเขียนวิจารณ์กันอย่างมันหยด ในท่วงทำนองว่า ผู้นำของประเทศนี้ไม่มีเกียรติพอที่จะได้รับการต้อนรับจากบุคคลที่สูงกว่านั้น

พวกการ์ตูนออนไลน์ทั้งหลาย เล่นกันหนักถึงขนาดว่า.. กว่า 20 ปีมาแล้ว เวียดนามก็ยังถือผู้นำของกัมพูชาเป็นแค่ ลูก-กะ-โล่

คอลัมนิสต์บางคนตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดรัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายเหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) จึงไม่ไปต้อนรับขับสู้ เป็นประธานพิธีมอบปริญญาบัตรแก่นายกฯ จากประเทศเพื่อนบ้านด้วยตัวเอง.. จะได้รู้สึกมีระดับขึ้นอีกหน่อย?

ถามเองแล้วก็ตอบเอง คอลัมนิสต์คนนั้นฟันธงเลยทีเดียว.. “ก็เพราะว่ารัฐมนตรีศึกษาเวียดนาม จบดอกเตอร์จากฮาร์วาร์ด เป็น Ph.D.ของจริง ก็เลยไม่อยากยุ่งให้มากความกับดุษฎีบัณฑิตแบบไล่แจก” ที่นายฮุนเซน ได้รับ

แต่ผู้นำกัมพูชามองอีกอย่างหนึ่ง

นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ในวันที่กลับจากไปรับ Ph.D.ใบล่าสุด ว่า “เขาคงเห็นว่าผมมีคุณค่าทางการศึกษาของประเทศ ที่ผ่านมาได้ให้ทำให้ประชาชนได้รู้หนังสือเพิ่มมากขึ้น”
<CENTER><FONT color=#3366ff>  ไม่มีใครปฏิเสธความสามารถเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่า 20 ปี จนกระทั่งสื่อนอกบางฉบับตั้งฉายา อัจฉริยะ ทางการเมืองให้  </FONT></CENTER>
ตอนที่กล่าวในพิธีรับมอบ ผู้นำกัมพูชาได้บอกกับผู้บริหารสถาบันของเวียดนาม ว่า รัฐบาลของเขากำลังปฏิบัติแผนพัฒนาการศึกษาแบบยั่งยืนและในระยะยาว เพื่อพัฒนาประชากรของประเทศ

“การศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” สำนักข่าวเวียดนามเน็ต อ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

ด้วยเหตุผลคล้ายกันนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจึงได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขา Education for Locality Development ให้แก่ผู้นำของกัมพูชา เมื่อปีที่แล้ว

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเหตุผลด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งนายฮุนเซนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้มานานกว่า 20 ปี ผ่านทั้งยุคทุ่งสังหารของเขมรแดง ยุคสงครามกลางเมือง และยุคประชาธิปไตยเสรีนิยม หลังจากองค์การสหประชาชาติเข้าไปควบคุมดูแลความสงบ

สื่อต่างชาติบางฉบับเคยยกย่องให้นายฮุนเซน เป็น “อัจฉริยะ” ทางการเมือง สามารถฝันฝ่าสถานการณ์ยากลำบากมาได้หลายครั้ง

เพราะฉะนั้น จึงเป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับ Ph.D.ด้านรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้มอบให้ตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน เช่นเดียวกันกับ Ph.D.(Political Science) กับ Ph.D. (Law) จากสถาบันอื่นๆ

ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ว่า นายฮุนเซน เหมาะสมสำหรับ Ph.D.หรือไม่ แต่น่าจะอยู่ที่แผ่นกระดาษที่ได้รับ เพราะอย่างน้อยที่สุดในนั้นมีอยู่ 1 แผ่น ที่มีปัญหา

ในเดือน เม.ย.2547 นายฮุนเซน ได้รับมอบ Ph.D.(Political Science) จากสถาบันที่ใช้ชื่อว่า Irish International University of Europa บริการการศึกษาทางอินเทอร์เน็ต ที่อ้างว่าเป็นสาขาของมหาวิทยาลัยนานาชาติไอริช (Irish International University) หรือ IIU

สถาบันดังกล่าวอ้างว่า ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และเปิดสำนักงานขึ้นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเร็วๆ นี้

มหาวิทยาลัยออนไลน์แห่งนี้ อ้างว่า สถาบันของพวกเขามีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน แถมยังมีความร่วมมือกับบางคณะวิชาของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (Cambridge) มหาวิทยาลัยเบอร์ 2 ในอังกฤษ อีกด้วย

เรื่องแดงโร่ขึ้นมาหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อสถานทูตไอริชในมาเลเซีย ประกาศว่า IIU ไม่ได้รับการรับรองจากไอร์แลนด์ และไม่ได้มีชื่ออยู่ในสารระบบทางการศึกษาของสหราชอาณาจักร หรือ อังกฤษ อย่างที่พยายามอ้างถึง
<CENTER><FONT color=#3366ff>  แต่พวกคอลัมนิสต์ออนไลน์บางคนก็มีอารมณ์ขันที่โหดร้ายมาก </FONT></CENTER>
มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ เองก็ออกสำทับ ไม่เคยรู้จักและไม่ได้มีความร่วมมือใดๆ กับสถาบันที่ว่า

ฝ่ายบริหารของ IIU โร่เข้าพบนายกฯ และกระทรวงศึกษาธิการกัมพูชา อธิบายว่า ความจริงแล้วปริญญาทุกใบจากสถาบันของพวกเขาได้รับการรับรองจากสถาบันอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสมาคมหอการค้าของชาวไอริช โดยมีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอนด้วย

เรื่องก็ยิ่งไปใหญ่เมื่อทางการไอร์แลนด์ตรวจสอบพบว่า สมาคมฯ ที่ว่านี้มีสำนักงานอยู่ที่เดียวกับ IIU ในกรุงลอนดอน

ก็เลยสรปุได้ว่า เป็นคนกลุ่มเดียวกัน รับรองปริญญาให้กันเอง และ ก็ร่วมกันทำ “เครื่องหมายการค้า” ทางการศึกษา ส่งจำหน่ายทั่วโลก ทั้งแบบออนไลน์ และแบบมีตัวมีตน

แต่สำหรับกัมพูชาเรื่องไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในกรุงพนมเปญได้มีการเปิดสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติขึ้นแห่งหนึ่ง โดยได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศนี้อย่างถูกต้อง

สถาบันดังกล่าวมีชื่อว่า มหาวิทยาลัยบิลด์ไบรท์ (Build Bright University) หรือ BBU ซึ่งที่ผ่านมาได้แจกปริญญาดุษฎีบัณฑิตแก่เจ้าหน้าที่รัฐ พ่อค้าคหบดี ไปแล้วหลายราย โดยไม่ต้องไฟฟังเลกเชอร์ หุ้นส่วนใหญ่ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ คือ IIU

รายแรกๆ ที่ได้รับ Ph.D.จาก BBU คือ นายมง ฤทธี (Mong Rethy) หุ้นส่วนใหญ่ฝ่ายกัมพูชา นักธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจปาล์มน้ำมันที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ปัจจุบันยังเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับกลุ่มเบียร์ช้างจากประเทศไทยอีกด้วย

เจ้าสัวมง ฤทธี มีสายสัมพันธ์แน่นปึ้กกับนายฮุนเซน

กระทรวงศึกษาธิการกัมพูชาได้แต่ทำตาปริบๆ และยอมรับความจริงที่โหดร้าย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องรับรองปริญญาบัตรและหลักสูตรของ BBU แม้จะรู้เต็มอกว่า IIU เป็นเพียงมหาวิทยาลัยกำมะลอ บนเว็บ

ที่นี้ย้อนกลับมาดูนายกรัฐมนตรีกัมพูชา..
<CENTER><FONT color=#3366ff>  หรือไม่ก็มาในมุกแบบนี้ </FONT></CENTER>
ตามประวัติที่เป็นทางการ “ดอกเตอร์ฮุนเซน” ได้รับการศึกษาในระบบน้อยมาก แต่ก็โทษใครไม่ได้เพราะเขาเติบโตมาในท่ามกลางสงคราม

เกิดปี 2495 ที่นิคมเปียมเกาะสนา (Peam Koh Sna) อ.สะเติงตราง (Stoeng Trang) จ.กัมปงจาม เรียนชั้นประถมศึกษาที่บ้านเกิด

ปี 2508 เข้ากรุงพนมเปญ เรียนต่อชั้นประถมปลายที่โรงเรียนอินทราเทวี (Indra Devi) ที่วัดนาคเวียน (Neakvoan) เป็นเด็กวัด ภายใต้การดูแลของสมภารที่ชื่อ “มง ฤทธี”

ปี 2513 หนุ่มฮุนเซน วัย 18 ปี ได้เข้าร่วมกับขบวนการต่อสู้กับจักรพรรดินิยม ตามคำเรียกร้องของ “เจ้านโรดมสีหนุ” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กลายเป็นอดีต หลังถูกโค่นล้มโดยนายพลลอนนอล (Lon Nol) ซึ่งองค์การซีไอเอ (CIA) ของสหรัฐฯ หนุนอยู่เบื้องหลัง

การเมืองในประเทศนี้ต้องไปเกี่ยวข้องกับคำว่า “เขมรแดง” หรือพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา อย่างไม่มีทางเลี่ยง เพราะเป็นองค์กรเดียวที่มีการจัดตั้ง และมีกองกำลังอาวุธที่พอจะต่อกรกับการแทรกแซงของสหรัฐฯ ได้

ประเทศสาธารณรัฐกัมพูชา ได้รับการ “ปลดปล่อย” ในวันที่ 17 เม.ย.1975 เปลี่ยนชื่อเป็น “กัมพูชาประชาธิปไตย” อันเป็นการเริ่มต้นของระบอบเขมรแดง และ นายฮุนเซน ได้เป็นทหารเขมรแดงระดับผู้บังคับกองพัน ที่ จ.กัมปงจาม บ้านเกิด.. จากนั้นเรื่องราวของเขาก็จะยืดยาวมาก

ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเมื่อไร แต่มีอยู่ปีหนึ่งในยุคใหม่นี้ที่นายฮุนเซนได้กลายเป็นบัณฑิต สำเร็จปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในประเทศ

แต่นั้นมาก็ได้กลายเป็น “ดอกเตอร์ฮุนเซน” และมีผู้ที่ต้องการจะมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ข้างล่างคือ รายชื่อสถาบันต่างๆ ที่มอบเกียรติยศทางการศึกษาให้แก่ผู้นำเขมร จนกระทั่งมี Ph.D.เป็นใบที่ 10 ในสัปดาห์นี้:-

1991 Ph.D. (Political Science) - National Political Academy of Hanoi
1995 Ph.D. (Politics) - Southern California University for Professional Studies
1996 Ph.D. (Law) - IOWA Wesleyan College, USA
2001 Ph.D. (Political Science) - Dankook University, South Korea
2001 Ph.D. (Political Science) - Ramkhamhaeng University, Bangkok
2004 Ph.D. (Political Science) - Irish International University of Europa
2004 Ph.D. (Political Science) - University of Cambodia
2006 Ph.D. (Political Science) - Soon Chun Hyang University, Seoul, South Korea
2006 Ph.D. (Education) - Bansomdejchaopraya Rajabhat University, Bangkok
2007 Ph.D. (Education) - National University of Hanoi
กำลังโหลดความคิดเห็น