ผู้จัดการรายวัน- ไต้ฝุ่นทุเรียนได้สร้างความฉงนแก่นักอุตุนิยมวิทยาและวงการพยากรณ์ทั่วภูมิภาคเอเชีย ไต้ฝุ่นลูกนี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งใหม่ทั้งในแง่เกี่ยวกับการก่อตัวและการเปลี่ยนทิศทางของมัน ซึ่งเป็น “แพทเทิ่น” ใหม่
แม้จะลดระดับความรุนแรงลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเคลื่อนเข้าสู่เกาะฟู้กวี (Phu Quy) ในเขตชายฝั่ง จ. บิ่งทวน (Binh Thuan) ในเวลา 21.00 น.วันจันทร์ (4 ธ.ค.) ที่ผ่านมา แต่ในวันรุ่งขึ้นทางการก็ได้พบผู้เสียชีวิตกว่า 70 ราย อีกกว่า 100 คนยังสูญหาย เรือประมงหลายพันลำถูกพัดจม บ้านเรือราษฎรหลายร้อยหลังคาถูกพัดหาย
แทนที่จะพัดเป็นแนวตรงเข้าสู่จังหวัดในเขตภาคกลางตอนล่างตามพยากรณ์ ทุเรียนกลับพัดเฉียงลงใต้ ทะลุเข้าทำลายล้างในพื้นที่ในที่ราบปากแม่น้ำโขง ได้แก่ จ.เบ๊นแจ (Ben Tre) เตี่ยนยาง (Tien Giang) และ จ.ลองอาน (Long An) ที่นั่น มีเรือประมงหลายร้อยลำถูกพัดจมแม่น้ำ
จังหวัดในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงไม่เคยประสบภัยพิบัติจากไต้ฝุ่น อย่างน้อยที่สุดก็ในช่วง 20 ปีมานี้ จึงมีการเตรียมป้องกันน้อยมาก "พายุโซนร้อน" ทุเรียน ที่พัดกระหน่ำด้วยความเร็ว 130-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่อุตสาหกรรมประมง และการผลิตอาหารทะเลเพื่อส่งออกในเขตภาคใต้เวียดนาม
ยังไม่มีการประเมินผลความเสียหายที่มีต่อนาข้าวในเขตอู่ข้าวอู่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตลอดจนการเลี้ยงปลาในกระชัง ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าออกที่สำคัญของเวียดนาม
การก่อเกิดและทิศทางการเคลื่อนตัวของไต้ฝุ่นทุเรียนนั้น ได้เป็นแบบอย่างศึกษาของนักอุตุนิยมวิทยาสำนักต่างๆ โดยปกติแล้วครึ่งหลังของเดือน พ.ย. เป็นช่วงที่ไม่มีไต้ฝุ่นพัดเข้าเวียดนามมาก่อน
แต่ในปีนี้ไต้ฝุ่นทุเรียนได้ก่อตัวขึ้น และ ดูเหมือนว่าจะอ่อนแรงเกินกว่าจะทำลายอะไรได้ในระยะแรกๆ แต่แล้วมันก็พัฒนาความแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนเข้าสู่ฟิลิปปินส์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน นี่เป็นความไม่ปกติประการแรก
ประการต่อมา ไต้ฝุ่นทุเรียนได้หักล้างพยากรณ์ของสำนักต่างๆ ที่บอกตรงกันว่า มันจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนพัดเข้สู่ชายฝั่งภาคกลางตอนล่างของเวียดนาม
หลังจากทำลายล้างในฟิลิปปินส์ ฝุ่นทะเรียนได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนตามคาด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในตอนเช้าวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) มันกลับฟื้นตัว และทวีความรุนแรงอีกครั้งหนึ่งแบบหักด้ามปากกาเซียนพยากรณ์
เว็บไซต์ Tropical Storm Risk ได้ออกคำเตือนว่า ไต้ฝุ่นทุเรียนจะพัดเข้าสู่ชายฝั่งภาคกลางตอนล่างเวียดนามในคืนวันจันทร์ หรือ เช้าตรู่วันอังคาร (5 ธ.ค.) ก่อนจะมุ่งหน้าตะวันตกผ่านเขตไร่กาแฟในที่ราบสูงภาคกลางและทะลวงเข้าสู่กัมพูชา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่ปกติของไต้ฝุ่นในทะเลจีนใต้
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์แห่งชาติเวียดนามได้ออกเตือนในเช้าวันจันทร์ (4 ธ.ค.) เช่นเดียวกันว่า ไต้ฝุ่นกำลังจะพัดเข้าชายฝั่ง จ.แค้งฮว่า (Khanh Hoa) และ จ.นิงทวน (Ninh Thuan) ในเขตภาคกลางตอนล่าง
อย่างไรก็ตาม ในตอนบ่ายทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ทุกสำนักพยากรณ์อากาศในเวียดนามต่างระบุว่า ทุเรียนจะเปลี่ยนทิศทางลงตะวันตกเฉียงใต้เข้า จ.บิ่งทวน และ บ่าเหรียะ-หวุงเต่า เข้าสู่ ที่ราบปากแม่น้ำโขง
การเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ทำให้การป้องกันภัยพิบัติกระทำได้ยากขึ้น การกู้ภัยฉุกเฉินเกือบเป็นไปไม่ได้ ข้อมูลข่าวสารออกมาล่าช้าเกินกว่าท้องถิ่นจะสามารถอพยพผู้คนได้ทัน เรือประมงราว 2,000 ลำจมลงในทะเล ในเขต จ.บิ่งทวน
ประการต่อมา พายุโซนร้อนลูกนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางผิดปกติ และ นำฝนตกหนักเข้าสู่แผ่นดินใหญ่มากอย่างเป็นประวัติการณ์ ฝนได้ทำลายการผลิตกาแฟในเขตที่ราบสูง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว ฝนยังทำให้กาแฟออกดอกเร็วกว่าฤดูกาล ทำให้ดอกร่วงและไม่ติดผล
ฝนตกหนักได้ทำลายข้าวที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการขนเข้าเก็บในยุ้งฉาง ลมแรงได้ทำลายนาข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวเสียหายยับเยิน ทั้งหมดเป็นความเสียหายที่กำลังจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีหน้า.