แม่น้ำทุกสายในโลกล้วนย่อมมีความสำคัญ เพราะเป็นเหมือนเส้นเลือดคอยหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์โลกใหดำรงอยู่รอดได้อย่างปกติสุขมานับตั้งแต่อดีตรุ่นแล้วรุ่นเล่าจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าคนเราจะมีกิจกรรมทางน้ำสืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณีให้ได้ประพฤติปฏิบัติสืบมา
อย่างเช่นในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสองไทยเราก็มี "ประเพณีลอยกระทง" ที่มีหลายความเชื่อทั้งที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หรือเชื่อว่าเป็นการขอขมาและแสดงความเคารพต่อพระแม่คงคาเทพเจ้าแห่งสายน้ำที่ได้ชุบเลี้ยงชีวิตมาหลายชั่วอายุคน
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้สำหรับชาวกัมพูชาก็จะมีประเพณีที่สำคัญมากเกี่ยวข้องกับแม่น้ำเช่นกันโดยเรียกกันว่า "เทศกาลน้ำ" (Water Festival) แต่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับของไทยนั้นกิจกรรมดั้งเดิมของชาวกัมพูชาที่จะมีขึ้นก็คือ การแข่งเรือ
ประเพณีจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันเพ็ญเดือน พ.ย. ซึ่งในช่วงเดือนก่อนหน้านี้น้ำในแม่น้ำโขงจะขึ้นสูงและจะไหลไปที่ทะเลสาบ (Tonle Sap) พอถึงในช่วงปลายฤดูฝนในเดือน พ.ย.น้ำในทะลสาบลดต่ำลง ทำให้น้ำไหลลงกลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้ง นำความชุ่มฉ่ำ และความอุดมสมบูรณ์มาสู่คนในท้องถิ่น
ชาวกัมพูชาได้ยึดถือเอาคืนวันเพ็ญร่วมกันลอยทุ่นที่ประดับด้วยดวงไฟไปตามแม่น้ำเพื่อเป็นการระลึกถึงบุญคุณ และแสดงความขอบคุณต่อแม่น้ำโขง และทะเลสาบ งานเทศกาลนี้ปกติจะจัดเป็นเวลาทั้งหมด 3
วัน เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ จนถึงวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งทางการประกาศให้เป็นวันหยุดสาธารณะ และในปี 2549 นี้ตรงกับวันที่ 4 - 6 พ.ย.
การจัดให้มีการแข่งเรือก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในยุคเมืองพระนคร (Angkorian era) อาณาจักรเขมรที่กำลังรุ่งเรืองได้มีชัยเหนืออาณาจักรจาม (Chams) ในการสู้รบทางเรือ ซึ่งพบหลักฐานเป็นภาพสลักหินเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ที่ผนังปราสาทบายน (Bayon) ในเขตเมืองพระนครหลวง (Angkor Thom) ใกล้กับปราสาทนครวัดนั่นเอง
เมื่อวันเสาร์ (4 พ.ย.) ที่ผ่านมาได้มีพิธีเริ่มเทศกาลและการแข่งเรืออย่างเป็นทางการที่บริเวณแม่น้ำโขงด้านหน้าพระบรมมหาราชวังเขมรินทร์ในกรุงพนมเปญ โดยมีสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชาเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี ร่วมด้วยนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี นายเฮงสัมริน ประธานรัฐสภา และเจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง
ภายในงานมีประชาชนจำนวนหลายพันคนจากทั่วประเทศมาร่วมชมการแข่งเรือ โดยในปีนี้มีเรือเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 409 ลำจากทั่วประเทศ บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ส่วนในตอนกลางคืนแสงไฟจำนวนมากจากตัวพระบรมมหาราชวังที่ได้รับการประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามก็ส่องประกายระยิบระยับสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก ประชาชนก็มานั่งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเพื่อรอการไหลเรือไฟในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย