ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) นักแสดงชั้นแนวหน้าของฮอลลีวูด กำลังจะมาเปิดกล้องในประเทศไทยในปีหน้า สำหรับ "แรมโบ 4" ซึ่งเป็นตอนล่าสุดของภาพยนตร์ที่ดุเดือดเลือดพล่านที่สุดอีกชุดหนึ่ง
คราวนี้ไม่ใช่เวียดนาม หรือ อัฟกานิสถาน แต่ปลายทางจะเป็นพม่า เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครคนหนึ่งที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ในภารกิจที่นำความช่วยเหลือไปยังชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
คณะกรรมการพิจารณาของสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตรวจสคริปต์ต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย อนุมัติแล้วโดยเชื่อว่า "แรมโบ้" ภาค 4 จะไม่ทำให้ไทยระหองระแหงกับรัฐบาลทหารของประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
สำหรับแรมโบ้ภาค 4 (In the Serpent's Eyes) นี้ ซิลเวสเตอร์แสดงเองกำกับเอง (แน่อยู่แล้ว ไม่มีใครแสดงแทนได้แน่ๆ) แต่กำกับเองนี่เป็นเรื่องใหม่ นอกจากนั้นก็ยังจะมีดาราใหญ่อย่าง แดนเซล วอชิงตัน (Danzel Washington) เล่นด้วย คราวนี้เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่อยู่แถวชายแดนไทยพม่า
พล็อตเรื่องยังไม่เป็นที่กระจ่างนัก ทราบแต่ว่าในภาคล่าสุดนี้สารวัตรแรมโบ้มาใช้ชีวิตเกษียณอยู่ในประเทศไทย แล้วก็ได้รับการขอร้องให้ไปช่วยค้นหาและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (อเมริกัน?) กลุ่มหนึ่งที่หายไปในดินแดนพม่า
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในตอนล่าสุดนี้ก็น่าจะเป็นฉากบู๊ล้างผลาญสไตล์แรมโบ้ ไม่ต่างกับ 3 ภาคก่อนหน้านี้ เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่ใช่แรมโบ้ แต่จะรบกับใครยังไม่ทราบ ถ้าหากต้องรบกับทหารรัฐบาลพม่า ประเทศไทยก็น่าจะตกที่นั่งลำบาก
ในแรมโบ้ภาคที่ 1 ที่ใช้ชื่อตอนว่า First Blood นั้น เป็นเรื่องของทหารผ่านศึก จอห์น แรมโบ้ ที่กลับจากสงครามเวียดนามและไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมในประเทศได้ แม้ว่าจะได้รับเหรียญสดุดีต่างๆ มากมายจากสมรภูมิ กลายเป็นคนเร่ร่อนจรจัด เหมือนคนไม่มีสติ
ในที่สุดก็ถูกนายอำเภอของเมืองเล็กๆ ในรัฐวอชิงตันจับกุม ถูกตำรวจทรมาน ดูถูกเหยียด แต่แรมโบ้หลบหนีพ้นเงื้อมมือของตำรวจโหดได้ เขาต้องสู้กับทหารเป็นกองพันที่นายอำเภอร้องขอให้ไปช่วยตามจับ
แรมโบ้ได้ใช้เทคนิคสงครามกองโจรต่อสู้กับทหารของกองทัพสหรัฐฯ และในที่สุดก็ดูจะมีเพียงคนเดียวที่จะตามแรมโบ้พบก็คือ ผู้พันแซม เทร้าท์แมน อดีตผู้บังคับบัญชาของเขาในสมรภูมิเวียดนาม ที่นำแสดงโดย ริชาร์ด เครนนา (Richard Crenna)
แรมโบ้แย่งปืนกลหนัก M60 จากทหารกลุ่มหนึ่งได้สำเร็จ และ วกกลับไปยังที่ทำการของนายอำเภอ ยิงกราดทุกสิ่งทุกอย่างแบบวินาศสันตะโร ในนาทีสุดท้ายก่อนจะลั่นกระสุนใส่นายอำเภอนั้น ผู้พันเทร้าท์แมน ก็ไปถึงที่เกิดเหตุเกลี้ยกล่อมให้แรมโบ้วางอาวุธไปเผชิญกับบวนการยุติธรรม และใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ แทนที่จะเป็นอาชญากร
แรมโบภาค 1 ใช้ทุนในการสร้างเพียง 14 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าจิบจ้อย เทียบกับมาตรฐานฮอลลีวูด แต่โกยเงินได้มหาศาลรวมแล้วก็ 78 ล้านดอลลาร์ และ ทำให้สตอลโลนโด่งขึ้นฟ้า แม้หนังจะถูกวิจารณ์จากทั่วโลกว่า โชว์การใช้อาวุธมากเกินไป และรุนแรงเกินความจำเป็น
ใน First Blood II นั้นยิ่งหนัก แรมโบ้ถูกส่งให้ไปค้นหาเชลยศึกที่มีรายงานว่ายังมีชีวิตอยู่ในเวียดนาม ฝ่ายการเมืองอยากจะให้ชาวอเมริกันลืมเรื่องนี้ และ เชื่อว่าแรมโบ้ จะไม่เจออะไรในเวียดนาม แต่แล้วเขาก็เจอจนได้
แรมโบ้เจอเชลยศึกอเมริกัน (Prisoners of War) หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อ POWs กลุ่มหนึ่ง พอฝ่ายการเมืองรู้เข้าก็ตัดการติดต่อสื่อสาร ตัดความช่วยเหลือ หวังจะให้เขาตายอยู่ในเวียดนามพร้อมกับความลับที่เขาค้นพบ
เขาถูกทหารโซเวียตจับและทรมาน แต่ได้รับการช่วยเหลือจากคนพื้นเมืองที่เป็นเพื่อนเก่า และอาศัยความเก่งฉกาจเฉพาะตัว แรมโบ้ทำลายกองกำลังของโซเวียตเกือบจะราบคาบ สามารถนำเชลยศึกออกจากเวียดนาม ผ่านเข้าประเทศไทยได้
แรมโบ้ภาค 2 หรือ First Blood II นี้สร้างด้วยทุน 44 ล้านดอลลาร์ แต่กวาดรายได้ถึง 150 ล้านดอลลาร์ เข้าฉายโรงในเดือน พ.ค.2528 เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปีนั้นรองจาก "เจาะเวลาหาอดีต" (Back to the Future) ภาคแรก 1
ซิลเวสเตอร์ได้รับคำชมจากอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ซึ่งยกให้เขาเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพอเมริกัน เลยทีเดียว แต่หนังถูกวิจารณ์หนักกว่าเดิม ข้อหาที่ฉกาจฉกรรจ์ที่สุดก็คือ เป็นภาพยนตร์ที่รุนแรง "แบบไร้สติ"
แรมโบ้ภาค 2 ถูกเลือกเป็นหนังยอดแย่แห่งปี ได้รับรางวัล "ราสเบอร์รี่ทองคำ" ประจำปี 2528 ซิลเวสเตอร์ก็เป็นนักแสดงยอดแย่ บทหนังที่เขียนโดยตัวพระเอกกับเจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่ง ก็กลายเป็นบทยอดแย่ เพลงประกอบ "Peace in Our Life" ก็เป็นเพลงยอดแย่ได้รางวัลราสเบอร์รี่เป็นแถว
แล้วคราวนี้ก็ถึงภาค 3 ซึ่งใช้ชื่อตอนว่า Rambo III (แทนที่จะเป็น First Blood III) แรมโบ้ต้องลุยเข้าไปในอัฟกานิสถาน ไปช่วยผู้พันเทร้าท์แมน ที่ถูกลักพาตัวไป ด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังกบฏมูจาฮีดดีน เขาสู้กับทหารโซเวียต เกือบทั้งกองทัพ แล้วก็ชนะอีกเช่นเคย
"แรมโบ้ 3" เข้าโรงวันที่ 15 พ.ค.2531 เพียง 10 วันหลังจากอดีตประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟ สั่งให้ถอนทหารออกจากการยึดครองอัฟกานิสถาน
อย่างไรก็ตาม "แรมโบ้ 3" ถูกวิจารณ์หนักกว่าภาค 2 และ ถูกตราว่าเป็นภาคที่แย่ที่สุดในซีรี่ส์นี้ ใช้ความรุนแรง “แบบไร้สติ” หนักยิ่งกว่า First Blood II
ตามสถิติที่บันทึกในหนังสือกินเนสส์ปี 2533 แรมโบ้ภาค 2 เป็นหนังที่ดุเดือดเลือดพล่านมากที่สุด มีฉากรุนแรงทั้งหมด 221 ฉาก มีคนถูกยิงตายถึง 108 ครั้ง ภาค 2 ของแรมโบ้ทำรายได้ได้เพียง 10 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ต่ำกว่าทุนสร้าง แต่ก็ยังกวาดรายได้ท่วมท้นในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
คราวนี้ก็มาถึง “แรมโบ้ภาค 4” ซึ่งในขณะนี้ทราบแต่เพียงว่าราว 70-80% ของเรื่อง จะถ่ายทำในเขตเขาทางภาคเหนือของไทย โดยประเทศไทยจะมีรายได้จากการสร้างหนังราว 5 ล้านดอลลาร์
เนื้อเรื่องยังไม่ชัดเจน แต่ประเด็นที่น่าติดตามก็คือ พระเอกคนเก่งจะรบกับใคร? และ ประเทศไทยจะเป็นเช่นไร!