xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มแล้วเทศกาล 'กถินเตียน' บุญกฐินกัมพูชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"บุณกถิน" มาถึงแล้วที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กัมปงสะปือ ที่อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญราว 50 กิโลเมตร "กฐิน" เป็นบุญใหญ่ประจำปี ชาวบ้านจะจัดขบวนแห่รอบๆ บริเวณวัด มีขบวนกองยาวนำหน้า ก่อนจะนำผ้ากฐินไปถวายพระสงฆ์ในพระอุโบสถ
ชาวพุทธในกัมพูชา ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับชาวพุทธในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแม่น้ำโขง หน้ากฐินได้มาถึงแล้ว สำหรับกัมพูชาดูจะเป็นพิเศษก็ตรงที่ว่า ช่วงนี้มีเทศกาลบุญใหญ่ 2 ครั้งติดๆ กัน

คงจะจำได้ว่าชาวเขมรเพิ่งผ่านพ้นเทศกาล "บุณปะจุมแบน" (Bon Pchum Ben) หรือ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นเทศกาลวันเพ็ญเดือน 7 กินเวลานาน 15 วัน ตั้งแต่ต้นเดือนจรดท้ายเดือนเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ได้เข้าสู่เทศกาลออกพรรษา และ “บุณกถิน” (Bon Kathen Tean) สองอย่างนี้มาพร้อมๆ กัน

หลายท้องที่ในกัมพูชาได้ถือเอาบุญกฐินเป็นงานใหญ่ประจำปี ซึ่งจะกินเวลายาวนานประมาณ 15 วัน หรือ ตลอดทั้งเดือนเลยก็ว่าได้ ชาวบ้านจะจัดรวบรวม "กองกฐิน" ทั้งที่เป็นผ้าจีวร เงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ ในชีวิตประจำวันสำหรับ พระสงฆ์ซึ่งอาจจะเป็นลูกหลานหรือญาติๆ ที่บวชเรียน

จะจัดเป็นกี่กองๆ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนพระสงฆ์ในวัด ยกเว้นกองฐินพิเศษ ที่จัดขึ้นโดยจุดมุ่งหมายอย่างอื่น

การทำบุณกถินเตียนนั้นเริ่มต้นจากครอบครัวหนึ่ง ซึ่งจะมีการ "บอกบุญ" ไปยังเพื่อนบ้านใกล้เคียง และแพร่ขยายออกไปเป็นงานระดับหมู่บ้านในที่สุด กลายเป็น "กถินเรียไร" (Kathen Reirray) หรือ กฐินสามัคคี

ส่วนกฐินครอบครัวนั้น ครอบครัวไหนที่ร่ำรวยก็จะเป็นเจ้าของกฐิณกองใหญ่ ประกอบด้วยสรรพสิ่ง ครอบครัวที่ยากจน กองกฐินก็อาจจะเล็กลง แต่ก็มีพร้อมทุกอย่างที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสงฆ์

"บุณกถินเตียน" เป็นประเพณีที่สืบสอดกันมายาวนานหลายชั่วอายุคนแล้ว มาสะดุดหยุดลงพักหนึ่งกินเวลา 3 ปีเศษ ในยุคที่พวกเขมรแดงขึ้นเรืองอำนาจ (2518-2522) จากนั้นก็เข้าสู่ยุคสงครามกลางเมือง ข้าวยากหมากแพง

พวกเขมรแดงได้สั่งงดกิจกรรมทางศาสนาทุกอย่าง เพราะถือเป็นสิ่งที่ล้าหลัง บังคับให้พระสงฆ์องค์เจ้าสึกออกไปใช้แรงงานร่วมกับชาวบ้านในการสร้างผลผลิต

พอถึงต้นปี 2522 ทหารเวียดนามเข้ายึดกรุงพนมเปญฯ พวกเขมรแดงรวบรวมกำลังทำสงครามกองโจรต่อสู้กับเวียดนามและทหารรัฐบาลใหม่ต่อมาอีกกว่า 10 ปี ทำให้บุญพิธีต่างๆ เงียบหายไปมาก

หลังจากการเซ็นสัญญากรุงปารีสในเดือน ต.ค.2534 กัมพูชาได้เข้าสู่การปกครองโดยองค์การบริหารชั่วคราวของสหประชาชาติ ความสงบได้กลับมาอีกครั้ง การผลิตการเกษตร การทำมาหากินของชาวบ้าน เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ บุญพิธี กับเทศกาลรื่นเริงต่างๆ กลับมาคึกคัก

ความจริง "Kathen Tean" หมายถึง "ผ้า" ที่ญาติโยมนำไปถวายพระสงฆ์ที่เป็นญาติหรือสมาชิกในครอบครัวที่บวชตามวัดต่างๆ ปีละครั้ง โดยถือเอาช่วงที่พระสงฆ์ผ่านพ้นเทศกาลเข้าพรรษาในหน้าฝนแล้ว พระจะได้นำ "ผ้า" ท่าสะอาดสะอ้านเหล่านั้นไปทำจีวรนุ่งห่มในฤดูกาลใหม่

อย่างที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบัน "กถิน" ไม่ได้หมายถึง "ผ้ากฐิน" แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่รวมหมายถึงสรรพสิ่งที่พระสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งเงินทองสำหรับการฟื้นฟูบูรณะพระอุโบสถ เจดีย์ หรือ ศาลาที่พัก

ในเขตเมืองนั้น "กถิน" ยังอาจจะรวมถึงเครื่องรับโทรทัศน์ดีๆ สักเครื่อง เพื่อให้หลวงพ่อ หลวงพี่ หรือ หลวงเณรทั้งหลายได้ติดตามข่าวสาร (รวมทั้งดูละครน้ำเน่า) ด้วย

พวกเขมรแดงไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลอะไรอีกแล้ว แต่ชาวเขมรในยุคใหม่จำนวนไม่น้อยก็ยังมีความรู้สึกว่า "บุณกถิน" ในกัมพูชามีความฟุ่มเฟือยมาก ขณะที่ประเทศนี้ยังเต็มไปด้วยคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ นอกจากนั้นสิ่งของที่นำไปถวายพระก็มากมายจนเหลือเฟือ แถมยังมีมหรสพขับกล่อมกันอึกทึก

หลายคนไปไกลถึงขนาดว่า ไม่อยากจะสนับสนุนให้พระตามวัดต่างๆ แข่งสร้างพระอุโบสถที่หรูหรา ขณะที่ชาวบ้านยังยากคนจนแบบติดดิน นอกจากนั้นพระควรจะเข้าร่วมในการผลิตเช่นเดียวกันชาวบ้านทั่วไป แทนที่จะรอรับอาหารและข้าวของจากชาวบ้านที่มีสภาพย่ำแย่อยู่แล้ว

ผู้คนในยุคนี้อาจจะมีแนวคิดที่แตกต่างกันและขัดแย้งกันอย่างมาก เกี่ยวกับบุญพิธี แต่ “บุณกถิน” ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะยากจนข้นแค้นหรือร่ำรวย แทบจะทุกหมู่บ้านเริ่มเข้าสู่เทศกาลใหม่นี้อย่างคึกคักและมีชีวิตชีวา.
กำลังโหลดความคิดเห็น