xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของโรงงานเบียร์.. คนรักเสือแห่งเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ชายสวมแว่นกรอบหนา สวมหมวกปีกกว้าง ยื่นมือของเขาเข้าไประหว่างแท่งเหล็กสีน้ำเงิน มือของเขาโดนขนที่หัวของเสือลายพาดกลอนตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้มันโกรธ

ที่สวนสัตว์เอกชนของชาวเวียดนามที่เรียกตัวเองว่านักอนุรักษ์ผู้นี้ มีเสือที่โตเต็มหลายตัวเดินด้อมๆ มองๆ และเล่นหัวกัน หรือ เดินหาอาหาร รอบๆ อาณาบริเวณที่เป็นสานามหญ้า และ เต็มไปด้วยหิน มันตะกุยหาอาหารอย่างสนุกสนาน บ้างก็กระชากเนื้อไก่สดๆ ที่มีคนโยนให้เป็นอาหารเที่ยง ด้วยฟันแหลมๆ ของมัน

ผู้ชายคนดังกล่าว คือ หงอ-ยวี-เติ๋น (Ngo Duy Tan) เจ้าของโรงงานเบียร์แห่งหนึ่งในเวียดนม

นายเติ๋นได้ประกาศในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาเกี่ยวกับความสำเร็จในการผสมพันธ์เสือ ที่ อ.ยวิอาน (Di An) จ. บิ่งเยวือง (Binh Duong) ทางภาคใต้ของประเทศ ห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 40 ก.ม.

เขาประสบความสำเร็จในการผสมพันธ์เสือ ทั้งๆ ที่นักอนุรักษ์หลายต่อหลายคนต่างมีความเห็นตรงกันว่าการนำเสือไปกักขังเพื่อผสมพันธุ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่สวนสัตว์บางแห่งที่มีความก้าวหน้าที่สุดในโลกก็ไม่สามารถทำได้

นายเติ๋นกล่าวว่าผลจากความรักเสือซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดพันธุ์หนึ่งในเวียดนาม ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการเพราะพันธุ์เสือ

"ผมต้องการสื่อไปยังผู้ที่รักในธรรมชาติคนอื่นๆ ได้ทราบว่า ผมกำลังทำอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาเสือเอาไว้ เพราะมีรายงานว่ามีเสือเพียง 150 ตัวเหลืออยู่ในเวียดนาม" นายเติ๋นซึ่งเป็นอดีตนายทหารกล่าว

เขายังกล่าวอีกว่า ได้สงวนพันธ์ไว้จระเข้ประมาณ 1,000 ตัว และ ยังเพาะพันธุ์หมีควายอีกกว่า 10 ตัว และ สัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อีกหลายชนิด

พื้นที่ป่าในเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่ยังยากจน มีประชากรอยู่กันหนาแน่ถึง 83 ล้านคน ได้ลดลงอย่างรวดจากการพัฒนาเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในการอยู่ร่วมกันระหว่างสัตว์กับมนุษย์นั้นเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ในเอเชียและแอฟริกาด้วย

**สัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์**

การค้าหนังสัตว์ กระดูก และอวัยวะส่วนต่างๆ ของสัตว์โดยนักล่าสัตว์ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอวัยวะส่วนต่างๆ ของพวกมันมักจะถูกสกัดเป็นยา ได้ทำให้สัตว์ต่างๆ ในเวียดนาม รวมทั้งเสือโคร่งสายพันธุ์อินโดจีนที่นักธุรกิจเช่นนายเติ๋นเพราะพันธุ์อยู่นี้ต้องตกอยู่ในอันตราย

ความต้องการอย่างสูงในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย โดยมีจุดประสงค์ เพื่อทำยาหรือทำอาหาร ได้ข่มขู่คุกคามสัตว์อื่นๆ กระทั่งสัตว์ที่แตกต่างออกไปอย่างเช่น ตะพาบน้ำหรือหมีควาย หมีถูกดักในป่าและต่อมาถูกนำไปขังเพื่อสกัดเอาน้ำดีไปทำยา

ความต้องการบริโภคสัตว์ป่ามีอย่างต่อเนื่องในเวียดนามและจีน ส่งผลต่อระดับความไม่ยั่งยืนของสัตว์ ทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายมาร์ค อินฟีลด์ แห่งองค์การสัตว์ป่าและพรรณพืชระหว่างประเทศ (Flora and Fauna International) หรือ FFI ซึ่งประจำอยู่กรุงฮานอยกล่าว

นักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวว่า เสือโคร่งอินโดจีน เป็นสัตว์สันโดษที่ต้องการพื้นที่ว่างมากๆ ในการอยู่อาศัยและต้องการอาหารที่มีชีวิต

“พวกมันเป็นสัตว์ที่ตกอยู่ในอันตรายประเภทหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่า แต่หากคุณต้องการขังมันไว้ พื้นที่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ ” นายทิม ไนท์ (Tim Knight) โฆษกกลุ่ม Wildlife At Risk ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าในกรุงฮานอย กล่าว

“สวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดบางแห่งในโลกยังคงประสบปัญหาและความยากลำบากในการผสมพันธุ์สัตว์ป่า ถ้าสัตว์รู้สึกไม่สบาย การผสมพันธ์จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่พวกมันนึกถึง”

นายเติ๋นสงวนพันธ์เสือสีส้มลายทางสีดำ หลายตัวไว้ในเนื้อที่ 5,000 ตารางเมตร ล้อมเป็นกรงด้วยแท่งเหล็กสีน้ำเงิน แต่ภายในอาณาบริเวณเต็มไปด้วย หญ้าและก้อนหิน พวกมันกินไก่สดๆ และหมูเป็นอาหาร

“ผมไม่รู้ว่าสวนสัตว์ที่อื่นผสมพันธุ์เสืออย่างไร แต่สำหรับผม ผมพยายามอย่างดีที่สุดที่จะสร้างถิ่นที่อาศัยที่ให้มีสภาพใกล้ชิดกับสภาพทางธรรมชาติมากที่สุด” นายเติ๋นวัย 55ปีกล่าว

ผู้เลี้ยงเสือรายนี้ยังกล่าวอีกว่า เขาเริ่มรักเสือเมื่อครั้งที่เขาไปปฏิบัติหน้าที่ในกัมพูชา เมื่อต้นคริสต์ทศวรรษ 1970

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ลูกเสือวัย 5 สัปดาห์ 4 ตัว เดินคลอเคลียอยู่ข้างๆ และรอบๆ เท้าของเขา นายเติ๋นลูบหัวและอุ้มพวกมันราวกับว่ามันเป็นแมวเชื่องๆ เขากล่าวว่าได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของจังหวัดให้อนุรักษ์เสือ และเขาฝันว่าสักวันหนึ่ง จะขยายอานาเขตให้พวกมันโดยซื้อที่สำหรับการเพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้น

เขากล่าวว่าตอนแรกเริ่มเขาซื้อเสือจากกัมพูชา เมื่อหลายปีที่แล้ว ต่อมาเขาซื้อลูกเสืออีก 6 ตัวในเวียดนาม ต่อมาจึงได้ขยายพันธุ์

** การค้าสัตว์ป่าในเวียดนาม **

เวียดนามเป็นประเทศภาคีความตกลงว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชพรรณที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Convention International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "ไซเตส" (CITES) มาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2537 แต่กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าได้วิพากษ์วิจารณ์เวียดนามว่าไม่ปฏิบัติตามความตกลงดังกล่าวอย่างคงเส้นคงวา

เวียดนามเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยสมบัติทางชีวภาพ แต่มีสัตว์ป่าที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ช้างป่าพันธุ์เวียดนาม

กรมป่าไม้ของเวียดนาม พบว่าระหว่างปี 2542 – 2545 มีช้างป่าอยู่ระหว่าง 59 – 81 ตัวใน 11 ท้องถิ่น เทียบกับในช่วงปี 2533- 2538 ที่มีช้างป่าอยู่ระหว่าง 122-148 ตัว และพบใน 20 ท้องถิ่น

ช่วงกลางเดือน ก.ค. ใน จ.บิ่งเยวือง ที่นายเติ๋นอนุรักษ์พันธุเสือโคร่งอยู่นี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เวียดนามได้จับยึดลิงอุรังอุตังจำนวน 2 ตัว จากกรงเลี้ยงเล็กๆ ในโรงแรมแห่งหนึ่ง

ลิงอุรังอุตังที่ได้รับการคุ้มครองโดย CITES ถูกลักลอบขนไปจาก จ.กลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย นักอนุรักษ์กล่าวว่าพวกมันถูกนำไปเลี้ยงไว้ที่โรงแรมแท็งแก๋ง (Thanh Canh) เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว 4 เดือนต่อมาลิงอุรังอุตังทั้ง 2 ตัวถูกนำกลับไปยังบ้านเดิมในป่า ที่เกาะบอร์เนียว หลังจากนักท่องเที่ยวรายงานเกี่ยวกับสภาพของพวกมันที่ถูกกักกัน

มูลนิธิเพื่อความอยู่รอดของอุรังอุตังแห่งบอร์เนียว (Borneo Orangutan Survival Foundation) กล่าวว่า โรงแรมแห่งนั้นซ่อน สัตว์เอาไว้กว่า 200 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าในเวียดนาม

“สวนสัตว์ผิดกฎหมายแห่งนั้นเป็นหนึ่งในอีกหลายแห่งในเวียดนาม เชื่อกันว่าในสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วประเทศ มีสัตว์นับหมื่นๆ ตัวที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จากป่าในเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและกัมพูชา” มูลนิธิดังกล่าวระบุ.

(เรียบเรียงจากบทเขียนเรื่อง Tigers play at private zoo in Vietnam โดย Grant McCool รายงานเพิ่มเติมโดยนาย Nguyen Nhat Lam กับนาย Nguyen Van Vinh).
กำลังโหลดความคิดเห็น