สำหรับคนเวียดนามนับล้านๆ จิ้งหรีดเป็นเมนูสุดโปรด ทั้งยังเป็นกับแกล้มชั้นเยี่ยมอีกต่างหาก ชาวเวียดนามรู้จักอาหารจานนี้เป็นอย่างดีตั้งแต่ครั้งสงครามที่ทุกคนอดอยากปากแห้ง ขวนขวายหาของกินที่สามารถประทังชีวิตได้ไปวันๆ
ในวันนี้ แม้ว่าจะไม่มีใครอดอยากอีกแล้ว ชาวเวียดนามจำนวนมากก็ยังคงชอบจิ้งหรีดทอดกรอบ แถมยัง ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นอาหารในเหลา สร้างเศรษฐีใหม่ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
แมลงชนิดนี้ได้ทำให้เด็กหนุ่มที่หาเช้ากินค่ำคนหนึ่งในนครโฮจิมินห์กลายเป็นเศรษฐีย่อมๆ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการกินจิ้งหรีดในประเทศไทยนี่เอง
หนุ่มหัวใสที่ชื่อ เลแท็งตุง (Le Thanh Tung) พลิกอาหารพื้นบ้านเมนูนี้ขึ้นภัตตาคาร เป็นเมนูชูโรงในร้านอาหารของเขา วัตถุดิบนั้นหาได้ไม่ยาก เพราะในเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน ต่างก็เลี้ยงจิ้งหรีดขายกันอย่างแพร่หลาย
นายตุ่งกล่าวว่าเมนูจิ้งหรีดทอดกรอบนี้เป็นที่พิเศษจริงๆ ทั้งกลิ่นและรสชาติที่อร่อยยากจะหาอะไรเปรียบได้
ภัตตาคารของนายตุ่งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 25 กิโลเมตร ที่นั่นแวดล้อมด้วยสวน มีเมนูพิเศษให้เลือกมากมาย ตั้งแต่จิ้งหรีดทอดกรอบ สลัดจิ้งหรีด ขนมปังหน้าจิ้งหรีด ก๋วยเตี๋ยวจิ้งหรีด และจิ้งหรีดพริกไทยดำ
เมนูพิเศษที่ร้านของนายตุ่งเป็นที่เลื่องลือ ลูกค้าเดินทางไปจากทั่วสารทิศเพื่อลิ้มลองรสชาติอันโอชะ ชาวเวียดนามรู้จักเมนูจิ้งหรีดนี้เป็นอย่างดี เพราะมีการโฆษณาทางโทรทัศน์และนิตยสาร
นายเหวียนจ่องแอ็ง (Nguyen Chinh Anh) ลูกค้ารายหนึ่งลงทุนนั่งมอเตอร์ไซค์เป็นระยะทาง 340 ก.ม.จากจังหวัดบ้านเกิดติดชายแดนกัมพูชาไปยังร้านของนายตุ่ง แต่เพื่อขอซื้อจิ้งหรีดพันธุ์ดีบรรจุใส่กล่องจำนวน 2 ใบ นำกลับไปเลี้ยง เพื่อเป็นเมนูในร้านอาหารของเขาเอง
"นี่คืออุปสงค์ เพราะว่าประชาชนทั่วไปต่างก็อยากรับประทานอะไรที่ดีขึ้น" นายแอ็งกล่าว
ขั้นตอนการปรุงไม่มีอะไรยาก ใช้เวลาทอดในน้ำมันร้อนๆ 5-10 นาที ก็พร้อมที่จะเสิร์ฟได้แล้ว
ร้านของนายตุ่งจัดอาหารชุดจิ้งหรีดให้แก่ลูกค้าในหลายขนาดและหลายสำรับการปรุง ไม่ว่าจะเป็นทอดกรอบง่ายๆ จิ้มกับน้ำปลาดี สลัดจิ้งหรีดที่รับประทานกับผักต่างๆ จิ้งหรีดในน้ำแกง รวมทั้งบะหมี่จิ้งหรีดด้วย ใครๆ ที่เขาร้านยออกมาต่างก็ชมเปาะถึงความอร่อยอันเหลือหลาย
จิ้งหรีดพันธุ์เวียดนามที่โตแล้วจะมีลำตัวยาวประมาณ 2.5 ซ.ม. ปล่อยเอาไว้ให้โตเต็มที่ก็อาจจะยาวถึง 4 เซนติเมตร
"สุดยอด! " นายเหวียนจ่องแท็ง (Nguyen Trong Thanh) อาชีพขับรถกล่าวหลังลองจิ้งหรีดทอดกรอบจิ้มน้ำปลา เขาบอกว่านี่เป็นหนแรก ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะวิเศษขาดนั้น
ขณะที่ลูกค้ากำลังรับประทานอยู่ในร้าน ก็จะมีเสียงจิ้งหรีดร้องคลอบรรยากาศไปด้วย นายตุ่งกล่าวว่าหลังจากไปเที่ยวเก็บและเลี้ยงมา 6 ปี ตอนนี้เขารู้บุคลิกและอารมณ์ของแมลงเศรษฐกิจชนิดนี้ทะลุโปร่งแล้ว
"ในยามโกรธพวกมันจะร้องเสียงสูง แต่ตอนที่เกี้ยวตัวเมียมันจะร้องเพราะราวกับสีไวโอลิน" นายตุ่งกล่าว
นายตุ่งก็เช่นเดียวกับชาวเวียดนามเรือนล้านที่ร่วมยุคสมัยเดียวกัน พวกเขายังจดจำวัยเด็กที่ชอบ “กีฬา” กัดจิ้งหรีดอันสนุกสนาน
แมลงชนิดนี้ยังปรากฏตัวในหนังสือวรรณคดีชื่อ "การผจญภัยของจิ้งหรีด" ที่เด็กๆ ชื่นชอบ ชีวิตของจิ้งหรีดในหนังสือที่เขียนโดยโต๋ฮว่าย (To Hoai) นี้ ต่อมาถูกนำไปสร้างเป็นหนังการ์ตูนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามนายตุ่งกล่าวว่าแรงบันดาลใจที่ให้หันไปทำธุรกิจนี้ จริงๆ แล้วเป็นภาพยนตร์สารคดีที่เขาเห็นในโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการรับประทานจิ้งหรีดในประเทศไทย นอกจากนั้นก็มีรายงานวิจัยในยุโรปชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า รับประทานจิ้งหรีดยังช่วยลดคอเลสเตอรอลอีกด้วย
ก่อนหน้านี้นายตุ่งทำงานหาเลี้ยงชีพแบบปากกัดตีนถีบ เลี้ยงกระต่ายขายก็แล้ว ปลูกผักขายก็เคย เขายังเคยพยายามไปรับจ้างแบกหามตามไซต์ก่อสร้าง เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มในเวียดนามทั่วไปที่ร่วมรุ่นกับเขา ในยามที่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เขาเห็นว่ามันเป็นงานที่หนักเกินไปและค่าแรงก็น้อยนิด
ในประเทศเวียดนามที่มีพลเมือง 83 ล้านคน รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต่อปีเพียง 640 ดอลลาร์ ธุรกิจจิ้งหรีดได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของนายตุ่งอย่างสิ้นเชิง เขามีรายได้ประมาณ 5,625 ดอลลาร์ (90 ล้านด่ง) ต่อเดือน จ้างคนงาน 12 คน และ มีรายจ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
เศรษฐีใหม่รายนี้กล่าวว่า ลูกค้าของเขาจ่ายระหว่าง 250,000 ด่ง (15 ดอลลาร์) ถึง 450,000 ด่ง (28 ดอลลาร์) สำหรับจิ้งหรีด 1 กิโลกรัม ขณะที่ไก่ 1 ก.ก. มีราคาเพียง 70,000 ด่ง หรือประมาณ 4 ดอลลาร์เท่านั้น และในแต่ละเดือนเขาขายจิ้งหรีดได้ราว 300 ก.ก.
"มันมีตลาดคนกลุ่มนี้อยู่ในตลาด พร้อมดีมานด์ที่มีศักยภาพสูงมาก” นายตุ่งกล่าว
ริมถนนสายหนี่งในนครโฮจิมินห์ มีร้านอาหารที่ชื่อ "จิ้งหรีด" ที่นั่นเป็นตึกสีเขียวอ่อน 3 ชั้น จำหน่ายจิ้งหรีดต้มน้ำปลา เป็นที่คุ้นเคยของบรรดานักดื่มเบียร์ กับพวกคอเหล้าขาว
นายเหวียนฮ่งเมือง (Nguyen Hong Muong) เจ้าของร้านกล่าวว่า ลูกค้าที่ร้านโดยส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่น "แต่นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น เกาหลี กระทั่งจากรัสเซียก็มาที่นี่ เพื่อรับประทานจิ้งหรีด".
(เรียบเรียงขึ้นใหม่จากบทเขียนเรื่อง Vietnamese serve crickets crispy, peppered โดย Grant McCool สำนักข่าวรอยเตอร์ กับ รายงานเพิ่มเติมโดย Nguyen Nhat Lam กับ Nguyen Van Vinh)