เอเอฟพี - นายเขียว สัมพัน (Khieu Samphan) อดีตผู้นำเขมรแดง กล่าวปฏิเสธว่าตัวเขานั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาจำนวนมากในช่วงเรืองอำนาจ ในระหว่างการสัมภาษณ์ก่อนที่การพิจารณาในชั้นศาลเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวจะมาถึง
นายเขียว สัมพัน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงที่กัมพูชาถูกปกครองโดยกลุ่มเขมรแดงระหว่างปี 2518 - 2522 ให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสารข่าวนิวส์วีค (Newsweek) ฉบับล่าสุดว่า "ผมประจำการอยู่ในกรุงพนมเปญ ผมจึงไม่รู้หรอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในเขตชนบท"
ประชาชนชาวกัมพูชาต้องล้มหายตายจากไปราว 2 ล้านคน ทั้งจากการถูกสั่งประหารชีวิต หรือตายเพราะอดอาหาร ไม่เช่นนั้นก็ถูกบังคับให้ทำงานหนักจนเกินกำลัง ในช่วงยุคมืดของกัมพูชาภายใต้การปกครองของกลุ่มเขมรแดงที่นำโดยนายพอลพล (Pol Pot) หรือ "โปลโป้ท" ได้นำเอาระบบสังคมบุพกาล ไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ระดับรากฐานโดยเกณฑ์ประชาชนหลายล้านคนออกสู่ชนบทเข้าสู่ระบบคอมมูน หรือ นิคมการเกษตร
"ผมทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประเทศชาติ" นายเขียวกล่าว ทั้งยังได้เพิ่มเติมอีกว่า ในฐานะประธานาธิบดีแห่งกัมพูชาประชาธิปไตย (Democratic Kampuchea) ภายใต้การปกครองของกลุ่มเขมรแดงนั้น ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจใด ๆ
"ตอนนี้ผมกลับถูกฟ้องร้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ผมไม่เข้าใจเลย และก็แน่ใจด้วยว่าประชาชนกัมพูชาส่วนใหญ่ก็คงเช่นเดียวกัน" นายเขียวกล่าว
นายเขียว ยังกล่าวต่อไปอีกว่าการตายของนายพอลพตในปี 2541 และการล่มสลายทางอำนาจของกลุ่มเขมรแดงนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจขอบเขตของการฆ่าล้างเผาพันธุ์
"ผมพ่ายแพ้ เศร้าเสียใจที่ชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาลต้องมาดับสิ้นไปอย่างสูญเปล่า ถึงแม้ว่าเราจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหม่นหมองทุกข์ใจนั้นคลายลงได้เลย" อดีตแกนนำของฝ่ายเขมรแดงที่เคยมีบทบาทอย่างสูงในวงการเมืองะรหว่างปรเทศกล่าว.