xs
xsm
sm
md
lg

ลาวฟุ้งเหมืองทองเซโปนทันสมัยที่สุดในภูมิภาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



กรุงเทพฯ - ทางการ สปป.ลาวกล่าวว่าในปัจจุบันเหมืองทองเซโปน ของบริษัทล้านช้างมิเนอรัล (Lanxang Mineral) ในภาคใต้ของประเทศเป็นเหมืองที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ยังมีขีดความสามารถผลิตทองแดงบริสุทธิ์ได้ถึงปีละ 60,000 ตัน เพื่อส่งออก

เจ้าหน้าที่ของทางการลาวเปิดเผยเรื่องนี้ในช่วงที่ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศไปเยี่ยมชมกิจการของเหมืองทองคำเซโปน ที่เมืองวีละบูลี แขวงสะหวันนะเขตวันที่ 24 ส.ค.2549 ที่ผ่านมา โดย นายวิไลวัน พมเข เลขาพรรคแขวง- เจ้าแขวงสะหวันนะเขต เจ้าหน้าที่ ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

นายสะหมาน อะเนกา ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทล้านช้างมิเนอรัล จำกัด ภายใต้การดูแลของบริษัทโอเซียนา รีสอร์ซ (Oxiana Resource) จากออสเตรเลีย กล่าวในงานรายต่อผู้นำสูงสุดของลาวระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2546 ถึงวันที่ 26 พ.ค.2549 เหมืองเซโปนสามารถผลิตโลหะธาตุผสมเป็นทองคำ และเงินรวมกันได้จำนวน 29.5 ตัน ซึ่งในจำนวนนั้นมีทองคำคุณภาพ 58-60% และคาดเหมายจะผลิตโลหะผสมทองคำ-เงิน อีกปีละ 10 ตัน

อย่างไรก็ตามบริษัทล้าช้างมิเนอรัลได้ตั้งเป้าที่จะผลิตทองแดงบริสุทธิให้ได้ปีละ 60,000 ตัน ในอนาคต ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ประชาชนรายวันของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว

โครงการเหมืองทองคำและทองแดงเซโปน นั้นตั้งอยู่บนเนื้อที่สัมปทาน 1,250 ตร.กม. ในเขตเมืองวิละบุลี แขวงสะหวันนะเขต ได้เริ่มผลิตทองในเดือน ธ.ค.2545 ส่วนการผลิตทองแดงนั้นเริ่มในต้นปี 2548 ปีที่แล้วเพียงปีเดียวสามารถผลิตทองคำได้ 200,370 ออนซ์ และทองแดงได้อีก 30,480 ตัน ทั้งนี้เป็นรายงานบนเว็บไซต์ของบริษัทโอเซียนาฯ

สปป.ลาวได้อนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าทำเหมืองแร่ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา โดยได้อนุญาตให้บริษัท CRA Exploration จากออสเตรเลียเข้าสำรวจขุดค้นสินแร่ต่างๆ อยู่ในเขตพูผาด่างและแท่งคำ และได้ร่วมลงนามในข้อตกลงสัมปทานสำรวจและผลิตแร่ธาตุ ในแขวงหลวงเวียงจันทน์อย่างเป็นทางการในปี 2536

ต่อมาในปี 2541-2542 บริษัท CRA Exploration ได้ร่วมธุรกิจกับบริษัท RTZ และได้ยุบบริษัทเข้าไปร่วมกับบริษัท Rio Tinto การสำรวจอย่างละเอียดสำเร็จลงและสามารถประเมินผลเบื้องต้นว่ามีปริมาณสำรองของโลหะทองคำประมาณ 3.5 ล้านออนซ์ (100 ตัน) ซึ่งบริษัท Rio Tinto เห็นว่าไม่คุ้มในการลงทุน จึงขายหุ้นส่วนให้บริษัทโอเซียนา รีสอร์ซ (Oxiana Resource) จากออสเตรเลีย 80% โดย Rio Tinto ยังคงหุ้นไว้เพียง 20%

ในปี 2543-2544 บริษัท โอเซียนา รีสอร์ซ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ และประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม จากนั้นในปี 2545 ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตทองแดง พร้อมทั้งประเมินผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสังคม "ประชาชน" กล่าว

ปี 2546 โอเชียน่าฯ ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตทองแดงมูลค่า 235 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการปรับปรุงเส้นถนนเข้าสู่เขตเหมือง และเดินสายส่งไฟฟ้าจากเมืองมะหาไซ ถึงโครงการระยะทาง 170 กม. มูลค่าประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นในวันที่ 27 ก.พ. 2546 ก็ได้เริ่มเปิดโรงงานผลิตทองคำอย่างเป็นทางการ และได้เริ่มส่งออกแร่เงินจากลาวเป็นครั้งแรก

ปลายปี 2546 โอเซียนา รีสอร์ซ ได้ซื้อหุ้นที่เหลือจาก Rio Tinto ในปัจจุบันโครงการสำรวจขุดค้นการผลิตทองแดง โรงงานสกัดทองคำ โรงงานผลิตทองแดงได้เป็นของโอเซียนาฯ แต่ฝ่ายเดียว

บริษัทดังกล่าวของออสเตรเลียได้ลงทุนต่อเนื่อง โดยก่อสร้างโรงงานผลิตเพิ่มอีก 1 แห่ง เป็นโรงงานถลุงทองแดงมูลค่า 235 ดอลลาร์ ก่อสร้างเพิ่มเติมโรงงานถลุงทองคำมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ สร้างสายไฟฟ้าขนาด 115 กิโลโวลต์จากแขวงคำม่วนมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบันจากการสำรวจพบว่าในเมืองเซโปนมีทองคำประมาณ 3.9 ล้านออนซ์ และมีทองแดงอีกกว่า 1.9 ล้านตัน ซึ่งบริษัทโอเซียนา ยังคงสำรวจค้นหาทรัพยากรดังกล่าวออกไปอีกอย่างต่อเนื่อง "ประชาชน" กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น