ชาวบ้านราว 70 คนพากันไปชุมนุมที่บริเวณนอกศาล จ.กัมปงชะนัง (Kompong Chhnang) ในวันอังคาร (28 ส.ค.) ที่ผ่านมาเพื่อประท้วงกรณีตำรวจจับกุมชาวบ้าน 4 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่าสุนัขของเพื่อนบ้านและ นำไปเป็นอาหาร โดยขอให้ทางการปล่อยตัวชาวบ้านทั้ง 4
แต่เรื่องมีมากกว่านั้น
นายอิน จันวิบูล (In Chanvibol) ผู้พิพากษากล่าวว่า ผู้ตกเป็นจำเลย 2 ราย เป็นคนลงมือฆ่าสุนัข ถูกต้องข้อหาลักขโมย ส่วนอีก 2 คนที่ทำอาหารจากเนื้อสุนัข ถูกต้องข้อหารับของโจร
"สุนัขเป็นทรัพย์สิน" ผู้พิพากษากล่าว "เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นการขโมยทรัพย์สิน" จึงจะยังไม่มีการปล่อยตัวจำเลยทั้งสี่คนขณะที่การสอบสวนยังดำเนินต่อไป
ผู้พิพากษาจันวิบูลกล่าวว่าเจ้าของสุนัขเคราะห์ร้าย คือ นายเยงเยือน (Yaing Yoeun) ได้แจ้งความกล่าวหาชายทั้ง 4 คนในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เรียกร้องค่าเสียหายจากชาวบ้านทั้ง 4 คน ที่ขโมยหมาของตนไป
แต่นายแวด วอน (Vet Von) หัวหน้านิคมลองแวก (Long Vek) ซึ่งเป็นแหล่งที่เกิดเหตุกล่าวว่า ชาวบ้านทั้ง 4 ไม่สมควรจะถูกจับกุม เพราะสุนัขตัวนั้นดุมาก ความจริงแล้วคนทั้ง 4ได้ช่วยชาวบ้านให้ปลอดภัยต่างหาก ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์แคมโบเดียเดลี่
ที่ผ่านมาไม่ค่อยปรากฎข่าวคราวการรับประทานเนื้อสุนัขในประเทศนี้บ่อยครั้งนัก นอกเสียจากว่ากัมพูชา เช่นเดียวกันกับไทยและลาว ได้กลายเป็นแหล่งค้าสุนัขเพื่อส่งผ่านไปยังเวียดนามและออกสู่ตลาดใหญ่จีนอีกทอดหนึ่ง
ส่วนในเวียดนามนั้นมีการรับประทานเนื้อสุนัขอยู่บ้างในบางท้องถิ่นทางภาคกลางและภาคเหนือของประเทศ ที่มีอากาศหนาวเย็น ทำให้เชื่อกันว่ารับประทานเนื้อสุนัขแล้วทำให้หายหนาว
ผู้คนในบางท้องถิ่นเชื่อว่าเนื้อสุนัขโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "หมาดำ" นั้นเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน.


